ตะลึง ! เลือก “ถุงยาง” ผิดไซส์ แพทย์ชี้ติดเอดส์-กามโรค
จาก กรณีมูลนิธิเอ็นโอพี เวิลด์ หรือ สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งอังกฤษออกมาเปิดเผยรายงานการศึกษาว่ามีผู้คนจำนวน มากถึง 1 ใน 3 ที่มีประสบการณ์ถุงยางอนามัยหลุด หรือแตกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากใช้ถุงยางไม่เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศอันจะนำไปสู่ ปัญหาร้ายแรงด้านเพศสัมพันธ์ตามมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวชิ้นนี้ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ และตามเว็บไซด์ชื่อดังต่างๆ ปรากฏว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ บ้างก็บอกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยให้ความรู้ว่าต้องใส่ถุงยางอนามัย ให้เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของตนเอง รวมทั้งที่ผ่านมาเวลาซื้อก็ไม่เคยดูข้างกล่องว่าไซส์อะไร หรือ บางคนก็เกิดความวิตกกังวลเกรงว่าจะติดโรคร้ายตามานั้น
- ชายไทยควรใช้ 49 มม.
ล่าสุด วานนี้ น.พ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับ “บางกอกทูเดย์” ว่า ปัจจุบันในประเทศไทยจะมีถุงยางอนามัยขนาดมาตรฐานคือ 49 มม.และ 52 มม. ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมขนาด 49 มม.เนื่องจากมีการสำรวจมาแล้วพบว่าผู้ชายไทยส่วนใหญ่จะมีขนาดอวัยวะเพศเหมาะ สมกับถุงยางขนาดนี้มากที่สุด
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเคยมีการทำแบบสอบถามพบว่าในกลุ่มเยาวชนที่มีเพศสัมพันธ์ เร็วกกว่าปกติ ประสบปัญหาในการใช้ถุงยางอนามัยขนาด 52 มม.เนื่องจากไม่สามารถสวมใส่ได้พอดีกับอวัยวะเพศของตนเอง เนื่องจากถุงยางมีขนาดใหญ่เกินไป ในทางตรงกันข้าม กลุ่มนักท่องเที่ยวตามสถานเริงรมย์พบว่าประสบปัญหาในการใช้ถุงยางขนาด 49 มม.เนื่องจากถุงยางมีขนาดที่เล็กเกินไป ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขก็จะพยายามให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจให้ประชาชนให้มากที่สุด
“อยากแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี เพราะสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ส่วนกรณีผู้ที่ใช้แล้วถุงยางอนามัยมีการแตก หรือ หลุด ออกจากอวัยวะเพศในระหว่างมีกิจกรรมทางเพศ ผมแนะนำให้รีบเลิกทันทีเสร็จแล้วชำระล้างร่างกายให้สะอาด ซึ่งในขั้นนี้ยังไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะติดโรคเอดส์ เนื่องจากโรคเอดส์เป็นโรคที่ติดต่อกันยาก เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง”
- เลือกซื้อให้เหมาะสม
น.พ.สมบัติ ระบุด้วยว่า ถุงยางอนามัยได้แบ่งประเภทตามขนาดความกว้าง หรือ ครึ่งหนึ่งของเส้นรอบวงของถุงยางนามัย เป็น 13 ขนาด คือ 44 , 45 , 46 , 47 , 48 , 49 ,50 , 51 ,52 , 53 , 54 , 55 และ 56 มิลลิเมตร (มม.) ขนาดที่มีจำหน่ายในเมืองไทยส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 49 มม. และ 52 มม.
ทั้งนี้ ในเว็บไซด์ของกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า ปกติชายไทยจะใช้ถุงยางอนามัยขนาด 49 มม. หากเป็นชายไทยรุ่นใหม่ ขนาด 52 มม. จะเหมาะสมกว่า ส่วนการเลือกซื้อคงจะต้องซื้อในขนาดที่เคยใช้สวมใส่มาแล้ว หากมีขนาดใหญ่เกินไปจะหลวมและหลุดง่าย หากเล็กไปจะฉีกขาดได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกไม่อยากใช้และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อถุงยางอนามัย
- วอนแจกถุงยางหลายไซส์
สำหรับมูลนิธิเอ็นโอพี เวิลด์ ที่ได้ไปสำรวจประชาชนวัยผู้ใหญ่ 497 คน ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี ในอังกฤษนั้นพบว่ามีประชาชนถึง 64% ที่ไม่ทราบว่าถุงยางอนามัยขาดหรือหลุดเพราะอะไร และเกิดความผิดพลาดตรงไหน ขณะที่อีก 43% กล่าวว่าไม่กล้าพูดคุยกันเรื่องขนาดของถุงยางเพราะเป็นเรื่องน่าอายที่จะพูด ถึงขนาดของอวัยวะเพศ และ 1 ใน 4 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามไม่ทราบว่าถุงยางอนามัยนั้นมีขนาดและความยาวที่แตก ต่างกันออกไป
ด้าน นายโทนี เบลฟีลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลของเอ็นโอพี กล่าวว่า การใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สร้างความเสียหายร้าย แรงทางเพศตามมา พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐบาลที่คอยแจกถุงยางฟรีให้แก่ชาวอังกฤษแจก ถุงยางหลายขนาดมากขึ้นเพื่อที่ว่าจะได้เลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับตน
- ความล้มเหลวของ “คอนดอม”
1.การใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกวิธี เช่น คลี่ออกทั้งหมดก่อนสวมใส่ การใส่ผิดด้าน การใส่ที่ไม่เว้นส่วนติ่งไว้(คือดึงมาจนสุดไม่เหลือติ่ง) ไม่ไล่อากาศออกจากติ่งกระเปาะ ถูกเล็บหรือของมีคม การนำกลับมาใช้ใหม่หลังจากที่ใช้ไปพักหนึ่งแล้วถอดออก การไม่จับขอบตอนถอนสมอ การใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสม หลั่งแล้วแช่นานจนนกเขาหลับ การใช้ไม่ถูกวิธีเหล่านี้นำมาซึ่ง การแตก รั่ว เลื่อนหลุดของถุงยางอนามัย
2. การแตกของถุงยางอนามัย แม้ได้ใช้อย่างถูกวิธีระมัดระวังอย่างดี ก็ยังแตกได้ มีรายงานตั้งแต่ร้อยละ 1 ถึง 12 เฉลี่ยก็ร้อยละ 5 แต่ถ้าร่วมเพศทางทวารหนักจะหนักกว่านี้ จากการศึกษาพบว่าครึ่งหนึ่งจะแตกตรงส่วนปลายปิด หนึ่งในสี่แตกตรงตัวถุง และอีกหนึ่งในสี่ แตกตรงปลายเปิด แต่ที่สำคัญคือ กว่าจะรู้ว่าแตก ก็เสร็จกิจไปแล้ว ถึงสองในสามของการแตก
ที่มา : บางกอกทูเดย์
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment