A Blogger by Beamcool

เมื่อไรควรจะไปสปา

Thursday, August 20, 2009

" สปา " หรือวารีบำบัด เริ่มต้นมาจากแนวคิดการทำให้สุขภาพดีด้วยน้ำ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ให้ความสนใจกับความสมดุลของร่างกายและจิตใจโดยวิถีธรรมชาติสปาในปัจจุบัน จึงผสมผสานวารีบำบัดเข้ากับวิธีการดูแลสุขภาพและความงามในรูปแบบต่างๆ ตามภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น โดยหันมาเน้นการเตรียมความพร้อมของร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงมีภูมิคุ้มกัน สูง มากกว่าการดูแลบำบัดโรคหรือฟื้นฟูสุขภาพตามแนวคิดเดิมในอดีต

สำหรับ บางคนการใช้บริการสปาจึงหมายถึงช่วงเวลาที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกโล่ง เบา ปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย เกิดความสงบภายใน ขณะเดียวกันก็ได้รับความสุขความเพลิดเพลินและการฟื้นฟูสุขภาพไปพร้อมกัน

ตามที่ได้บอกแต่แรกแล้วว่า รากศัพท์ในภาษาละตินของคำว่า SPA มาจากคำว่า "Sanus Per Acqua" หมายถึง การมีสุขภาพดีด้วยน้ำ (Health through water) จัดเป็นการดูแลรักษาสุขภาพด้วยการใช้น้ำบำบัด เช่น อาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อนแช่ตัวในน้ำแร่ แช่น้ำนม อบตัว อบผิวด้วยไอน้ำ บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์นานาชนิด เป็นต้น

ดังนั้น ท่านที่เคยใช้บริการสปาเป็นประจำจึงมักจะพบว่าบริการอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม อบตัว ขัดผิว บำรุงผิว ดังกล่าว จัดเป็นบริการพื้นฐานที่สปาแทบทุกแห่งต้องมี โดยเฉพาะการอบตัวประเภทอบเซาน่าและอบไอน้ำที่คนไทยนิยมมากในระยะหลังนี้

เวลา จินตนาการถึงสปา เราจึงมักนึกถึงห้องอบตัวจำพวกห้องเซาน่า ห้องอบไอน้ำ กับอ่างอาบน้ำใหญ่ๆ มีกลีบกุหลาบหรือลั่นทมหอมกรุ่นลอยฟ่องสำหรับแช่ตัวเพื่อผ่อนคลายมากกว่า อย่างอื่น แต่อันที่จริงแล้วบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของสปาที่ได้มาตรฐานมีมากกว่า นั้นค่ะ

เป็น ต้นว่า มีแพทย์ทางเลือกประจำสปาเพื่อให้คำแนะนำด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้อง รวมทั้งมีนักโภชนาการคอยให้คำปรึกษาด้านอาหารการกินที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารมีวิตามินแร่ธาตุครบถ้วน หรืออาหารพลังงานต่ำ กากใยสูงเพื่อควบคุมน้ำหนัก บางแห่งอาจจะเน้นการรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติก หรือแม้กระทั่งอาหารแบบสปาคิวซีน (Spa Cuisine) ที่กำลังฮิตติดลมบนอยู่ยามนี้ด้วยซ้ำไป

ในทรีตเมนต์เรื่องความงามก็ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยอธิบายให้คำแนะนำต่างๆ ตอบข้อสงสัยแก่ผู้ใช้บริการได้ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ให้พนักงานนวดตัวทำตามโปรแกรมไปด้วยความเคยชิน เช่น ในเรื่องการทำสปาผิวหน้าซึ่งหมายถึงการทำความสะอาดและเสริมอาหารบำรุงให้ลึก ถึงผิวชั้นในนั้นมีวิธีการแบบไหนบ้าง อะไรจะได้ผลดีกว่ากันระหว่างการนวดมือ การบำบัดด้วยน้ำ หรือการใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งส่วนมากแล้วการทำสปาเพียงครั้งเดียวกับร่างกายและผิวพรรณโดยรวมมักจะไม่ ค่อยเห็นผลชัดเจนหรอกค่ะ ต้องไปทำซ้ำหลายครั้ง อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เหมือนกับการที่เราต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์

คนที่ยังไม่เคยใช้บริการสปาอาจมีคำถามว่าทำไมจะต้องไปเสีย เงินแพงๆ กับการอาบน้ำ นวดตัว บำรุงผิวพรรณมากมายขนาดนั้น เพราะบริการหลายอย่างในสปาก็ทำที่บ้านได้

ใช่ค่ะ! หากบ้านใครมีความพร้อมพอที่จะทำเองได้ขอสนับสนุนเต็มที่ บางบ้านอาจจะมีอ่างอาบน้ำอยู่แล้วก็ใช้ได้ บางบ้านหรูหน่อยอาจเป็นอ่างน้ำวนหรืออ่างจากูซี่

ยิ่งถ้ามีตู้อบ เซาน่าด้วยก็แจ๋วไปเลย เดี๋ยวนี้เขามีตู้อบตัวแบบสำเร็จรูปขายอยู่มากมาย ราคาก็ถูกลงกว่าเดิมมาก จะอบเช้าอบเย็นก็ลุยกันเต็มที่แบบไม่ต้องเกรงใจใคร

บางบ้านมีเด็กรับใช้ที่มีฝีไม้ลายมือเรื่องนวดตัวอยู่บ้างก็เจ๋งไปเลย

แบบนี้เขาเรียกว่าสปาที่บ้านหรือ " โฮมสปา " ค่ะ รายละเอียดจะทำให้สนุกได้ยังไงนั้นจะเล่าให้ฟังคราวหลัง

แต่ ถ้าหากท่านไม่สะดวกจะทำเองและอยากไปลองใช้บริการสปาดูก็ขอบอกว่า สิ่งที่ท่านจะได้จากบริการสปาทั้งหลายอย่างน้อยน่าจะมีองค์ประกอบ 4 R ด้วยกัน ได้แก่

1. Time to Rejoice
ได้รับความสดชื่นเบิกบานตั้งแต่เหยียบย่างเข้าไปในอาณาบริเวณของสปาผ่าน ประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งสปาทุกแห่งมักจะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศของความสดชื่นเบิกบาน เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความเพลิดเพลินเจริญตาเจริญใจในความงดงาม สงบเงียบของสถานที่ ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจรุงใจของไม้ดอกหอมนานาพรรณตามธรรมชาติหรือกลิ่นหอม บำบัด คลอด้วยเสียงดนตรีเบาๆ ไพเราะ ในอากาศเย็นฉ่ำ จากนั้นก็จิบเครื่องดื่มสมุนไพรรสดีก่อนจะเข้าสู่กระบวนการนวดหน้านวดตัว ขัดสีฉวีวรรณ

2. Time to Relax
ได้รับความผ่อนคลายจากการใช้บริการ ทำให้ความตึงเครียดลดลง คือไม่ว่าจะเข้าไปทำอะไรในสปาก็ตาม ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงนั้น อย่างน้อยที่สุดท่านควรจะได้รับความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว สบายใจ สมองที่เครียดเขม็งด้วยเรื่องปวดหัวสารพัดควรจะเบาสบายและโล่งขึ้น ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง

3. Time to Reflect เมื่อความตึงเครียดลดลงแล้ว ความกังวลใจในเรื่องต่างๆ ก็ย่อมมลายหายไปเป็นธรรมดา จากนั้นท่านก็จะล่วงเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งภวังค์ความเงียบสงบ มีสมาธิสูงสามารถนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งแวดล้อมเก่าๆ ที่มีความสุขในอดีต ความทรงจำรำลึกในห้วงเวลาอันแสนสุขจะย้อนกลับมาสู่ภาวะจิตอันเงียบสงบได้ไม่ ยาก

4. Time to Revitalise
เติมพลังชีวิตใหม่ให้เข้มแข็งขึ้นจากจิตใจที่เป็นสุขในภวังค์แห่งความสงบตาม ธรรมชาติ เมื่อร่างกายแข็งแรงจิตใจเข้มแข็ง พลังชีวิตที่สมบูรณ์ย่อมเกิดแก่ทุกคน

เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกอ่อนล้า อยากได้กำลังวังชากลับคืนมาพร้อมกับความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจก็ลองไปใช้ บริการสปาดู แต่จะไปที่ไหนก็ควรดูให้แน่ใจเสียก่อนว่ามีบริการตามที่ต้องการหรือไม่

แม้องค์กรสปาระหว่างประเทศ (ISPA) จะจัดแบ่งสปาออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ถึง 7 กลุ่ม ด้วยกัน แต่สปาในไทยส่วนใหญ่แล้วมีเพียง 4 กลุ่ม หลักๆ ได้แก่

เดย์สปา โรงแรมและรีสอร์ตสปา เดสทิเนชั่นสปา และเมดิคอลสปา

เดย์สปา เป็นประเภทของสปาที่เปิดบริการมากที่สุดในเวลานี้ มักจะเน้นเรื่องความงามและการบำบัดให้คลายเครียดในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมง ไม่ต้องเข้าคอร์สปรับเรื่องโภชนาการ อาหารการกินหรือการออกกำลังกาย เป็นธุรกิจที่ขยายตัวค่อนข้างสูงในระยะ 5 ปี ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มากเหมือนธุรกิจสปาประเภทอื่น อาจใช้อาคารสำนักงานหรือบริเวณบ้านที่ร่มรื่นดัดแปลงเป็นเดย์สปาได้ไม่ยาก มีโปรแกรมให้บริการช่วงเวลาสั้นๆ ตั้งแต่ 30 นาที ถึง 1-2 ชั่วโมง จึงมีลูกค้าหมุนเวียนมาใช้บริการในปริมาณมาก

เดย์สปาหลายแห่งมีจุด เด่นเรื่องทรีตเมนต์ความงาม นวดหน้า ขัดผิว อบตัว ซึ่งบางแห่งอาจมีเครื่องสำอางสมุนไพรเฉพาะของตัวเองไว้บริการ ส่วนการบำบัดคลายเครียดนั้นใช้ทั้งอโรมาเธอราปี้ในการนวดน้ำมันหอมระเหย และการนวดแผนไทยยืดเส้น

โรงแรม และ รีสอร์ตสปา มีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคตามโรงแรมและรีสอร์ตใหญ่ๆ ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย สมุย พัทยา หัวหิน ฯลฯ เน้นให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้ความสำคัญกับการนวดตัวมากกว่าทรีตเมนต์เรื่องความงาม เพราะผู้ใช้บริการมักเป็นแขกโรงแรมและรีสอร์ต ซึ่งเป็นลูกค้าชั่วคราวที่ไม่มีโอกาสกลับมาใช้บริการซ้ำ ทรีตเมนต์ความงามนั้นจะได้ผลดีต้องใช้บริการซ้ำหลายๆ ครั้ง

เดสทิเนชั่นสปา หรือ รีทรีต สปา ในไทยมีตัวอย่างที่โด่งดังไปทั่วโลกคือ "ชีวาศรม" ซึ่งเป็นทั้งรีสอร์ตและสปาในเวลาเดียวกัน และยังเป็นสถานฟื้นฟูสุขภาพที่ได้รับการยอมรับ ยกย่องชื่นชมจากนานาชาติ ขึ้นชั้นสปาระดับสุดยอดของโลกแห่งหนึ่ง มีการใช้วารีบำบัดมาช่วยฟื้นฟูสุขภาพควบคู่ไปกับการฝึกโยคะ ขณะเดียวกันก็เข้มงวดเรื่องอาหารการกิน ในการฟื้นฟูสุขภาพต้องปรับโภชนาการใหม่ เน้นการรับประทานผักสด ผลไม้สด เนื้อปลา งดเนื้อสัตว์ใหญ่ งดบุหรี่-แอลกอฮอล์

เมดิคอลสปา
เป็นที่นิยมในต่างประเทศมานานแล้ว แต่เพิ่งได้รับความนิยมในไทย โดยพัฒนาจากสปาเพื่อความงามมาเป็นสปาเพื่อสุขภาพและการบำบัดรักษาสำหรับ กลุ่มที่ต้องการรักษาหรือบำบัดสุขภาพควบคู่ไปกับการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้เกษียณจากการทำงาน เป็นหลัก ทั้งนี้ เมดิคอลสปาจะผสมผสานองค์ความรู้ระหว่างการแพทย์ที่ทันสมัยแบบตะวันตก กับศาสตร์ทางการแพทย์แบบตะวันออก เพื่อเสริมสร้างการดูแลรักษาสุขภาพแนวใหม่ เน้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการเกิดโรค ตลอดจนการรู้จักดูแลตนเอง เลือกใช้ศาสตร์ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายในกรณีที่มีโรคประจำตัว โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เมดิคอลสปาที่เปิดบริการในไทยมักเป็นส่วนหนึ่งของคลีนิคเอกชนหรือในโรง พยาบาลขนาดใหญ่ เช่น "เอส เมดิคัล สปา" เมดิคอลสปาที่โรงพยาบาลวิภาวดี และ โรงพยาบาลนครธน เป็นต้น

มีตัวเลขที่อยากบอกให้รู้ว่า ผู้ที่ไปใช้บริการสปาถึง 90% เป็นผู้หญิงค่ะ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่ทรีตเมนต์เรื่องความงามของสปาจึงเป็น แรงดึงดูดที่สำคัญกว่าอย่างอื่น ให้คุณสาวๆ ควักกระเป๋าออกมาใช้จ่ายเพื่อเสพสุขในโลกแห่งสปาโดยไม่รู้สึกเสียดมเสียดาย อะไรนัก

เท่าที่ศึกษาค้นคว้ามา พบว่า ทรีตเมนต์ความงามของสปาที่ได้รับความนิยมในหมู่คุณผู้หญิงมี 5 แบบ ด้วยกัน คือ

1. Aroma Steam หรือ Herbal Steam เป็นการ กระตุ้นร่างกายด้วยความร้อนเพื่อให้รูขุมขนในร่างกายเปิดกว้างพร้อมที่จะขับ สารพิษออกมากับเหงื่อ วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ทำเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานก็ได้ ขอแค่ให้มีอุปกรณ์เครื่อง sauna พร้อมเท่านั้น

2. Scrub
คือการกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของเลือดด้วยการขัดผิวด้วยพืชพรรณจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืชสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์จากท้องทะเลจำพวกเกลือทะเล สาหร่าย ฟองน้ำเพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่จะได้ขึ้นมาทดแทน วิธีสครับนี้จะช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น ผิวพรรณนุ่มเนียน สีผิวสวยสม่ำเสมอ

3. Body Wrap
หมายถึง การห่อร่างกายด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีสรรพคุณพิเศษ เช่น สาหร่ายทะเล หรือโคลนทะเล สมุนไพรบางชนิด การห่อหุ้มร่างกายนี้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการดูแลฟื้นฟูสภาพผิวไปพร้อม กับการช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของเนื้อตัว ระหว่างที่ห่อร่างกายด้วยโคลนหรือสมุนไพร อุณหภูมิภายในจะสูงขึ้น จึงเปิดรูขุมขนให้กว้างเพื่อขับของเสียออกจากร่างกายได้สะดวก ช่วยให้ร่างกายสงบและผ่อนคลายอย่างลึกล้ำ

4. Hydro Therapy
คือกระบวนการบำบัดด้วยน้ำ โดยใช้อุณหภูมิร้อน-เย็นของน้ำเป็นเครื่องมือบำบัด สปาบางแห่งอาจให้นอนแช่ในอ่างที่ผสมน้ำมันหอมระเหยและเกลือแร่ธรรมดา (Aroma Bath) บางแห่งให้นอนแช่ในอ่างที่โรยกลีบดอกไม้ไว้เต็ม (Floral Bath) แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกับเกลือแร่ลงไปผสม วิธีแช่ตัวแบบนี้จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้ดี

นอกจากนั้น ยังมีการอาบน้ำที่เรียกว่า Swiss shower คือยืนอาบน้ำร้อนสลับกับน้ำเย็นที่พุ่งออกมาจากฝักบัวพร้อมกัน 8-10 จุด ทั่วร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของโลหิต และการอาบน้ำแบบ Vichy shower เป็นการบำบัดด้วยแรงดันน้ำ โดยให้นอนใต้แรงดันของน้ำที่พุ่งออกมากระทบร่างกาย ช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้สมุนไพรต่างๆ ที่นำมาพอกตัวภายหลังสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นในได้ดีขึ้น การอาบน้ำแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ผ่อนคลายหายเครียดแล้วยังลดอาการปวด เมื่อยกล้ามเนื้อได้ด้วย

5. Body Massage
การนวดร่างกาย เป็นทางเลือกยอดนิยมของการไปสปา ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม จัดเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ช่วยให้ขั้นตอนอื่นๆ ที่กล่าวมาได้ผลสมบูรณ์ โดยสปาแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการนวดต่างกันไป แต่หลักๆ มีสองอย่างคือ นวดแผนไทยกับนวดบำบัด "อโรมา" ด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ

ถึงบรรทัดนี้คงรู้แล้วใช่ไหมคะว่า เมื่อไหร่จึงควรจะไปสปา...

ที่มา : ผู้หญิงน่ะค๊ะดอทคอม

0 comments:

Post a Comment