A Blogger by Beamcool

เทคนิคเซ็กซ์ประตูหลัง ให้ปลอดภัย

Tuesday, June 30, 2009

เคยกังวลกับเซ็กซ์ทางประตูหลังไหม? เชื่อว่าเกย์หลายๆคนที่ยังไม่เคยอาจจะรู้สึกกลัว ไม่กล้ามีเซ็กซ์ทางประตูหลัง ดังนั้นลองมาอ่านเคล็ดลับนี้ดู เผื่อมีประสบการณ์ขึ้นมา จะได้รับมือไหว

- เจ็บไหม

ไม่เจ็บเลยถ้าทำอย่างถูกวิธี ที่สำคัญคือต้องใจเย็น ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีไว้เพื่อ Exit มิใช่เพื่อ Enter นะค่ะ ขืนทิ่มพรวด ๆ อย่างเมามัน อาจต้องทรมาณกับการเข้าห้องน้ำตอนเช้า ตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้คือสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของซิลิโคน สารหล่อลื่นแบบน้ำยังลื่นไม่พอค่ะ นอกจากนั้นยังต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการใช้นิ้วมือนวดอุ่นเครื่องเสีย ก่อน ครั้งแรก ๆ อาจรู้สึกอึดอัดแทบกรี๊ด แต่เมื่อรู้สึกผ่อนคลายและความมันเข้าแทนที่ รับรองว่าจะเพลินจนลืมโลกเลย

- จะติดโรคไหม

เราสามารถติดเอดส์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้จากเซ็กซ์ประตูหลัง ป้องกันตัวเองด้วยการตรวจหาโรคต่าง ๆ และใช้ถุงยางอนามัย ใส่ถุงมือลาเท็กซ์เวลาใช้นิ้วสอดใส่ อย่าเอาของที่ใช้กับประตูหลังมาสอดใส่น้องหนูโดยไม่ได้ล้างเสียก่อน

- ท่วงท่าสุดเจ๋ง

ลองท่ามิชชันนารี (ฝ่ายรับนอนหงาย กอดเข่าไว้ที่อก พาดเท้าไว้บนไหล่ฝ่ายรุก) หรือฝ่ายรับนอนคว่ำ หนุนหมอนไว้ไต้หน้าท้องหรืออีกท่าคือ ฝ่ายรับถ่วงขานั่งคร่อม ตบท้ายด้วยลีลาสุดคลาสสิกเห็นได้ทั่วไปในหนังโป๊คือ ฝ่ายรับยืนโก้งโค้งให้ผู้ชายสอดใส่ทางด้านหลัง

- สำหรับฝ่ายทะลวง

มิควรทิ่มพรวดเข้าไปทันทีทันใด ควรใช้วัสดุอื่นนำร่องเสียก่อน อาทิ นิ้วมือ ดิลโด้ หรือไวเบรเตอร์ ใช้สารหล่อลื่นเยอะ ๆ ชโลมให้ถ้วนทั่วเจ้าหนูและประตูหลังของเธอ จากนั้นใช้ส่วนหัวของเจ้าหนูถูไถ บริเวณปากทางเข้าประตู คอยจนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณปากทางผ่อนคลายลง จากนั้นให้ฝ่ายหญิงดัน สะโพกเข้ามา แทนที่จะเป็นฝ่ายทิ่มแทงเข้าไป

ใช้มือประคองทั้งดุ้นเอาไว้ สอดส่วนหัวเจ้าหนูเข้าไปก่อน แล้วหยุดคอยจนกว่าเธอจะโอ.เค. ค่อยดำเนินการต่อ จาก นั้นค่อย ๆ เขยิบเข้าไปช้า ๆ ที่ละนิด เมื่อเข้าไปจนมิดด้ามให้หยุดพักอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ โยกอย่างนุ่มนวล หามุมหาองศาให้ดี หยุดพักเพื่อเติมสารหล่อลื่นเป็นระยะ เวลาถอนเสาออกควรปฎิบัติช้า ๆ พอ ๆ กับตอนเอาเสาลงหลุม ทำเร็วเกินไปกล้ามเนื้ออาจฉีกขาดได้

- สำหรับฝ่ายตั้งรับ

ยิ่งถูกกระตุ้นมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บน้อยลงเท่านั้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถึงจุดสุดยอดก่อนจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น) ใช้สองมือประคองกันให้แยกออกแล้วหย่อนตัวลง (เหมือนกำลังนั่งลงบนโถส้วม) วิธีนี้จะช่วยเปิดทางหรือเบิกทวารได้เป็นอย่างดี ใช้สองมือประคองกันให้แยกออกแล้วหย่อนตัวลง (เหมือนกำลังนั่งลงบนโถส้วม) วิธีนี้จะช่วยเปิดทางหรือเบิกทวารได้เป็นอย่างดี

สูดหายใจลึก ดันสะโพกไปข้างล้างเพื่อให้เขาสอดใส่เข้ามาเล็กน้อย หากเริ่มรู้สึกกลัว ลองเกร็งกล้ามเนื้อหูรูดเป็นจังหวะเพื่อควบคุมสถานการณ์ ให้ฟีดแบ็กกับเขาทันที อาจต้องลองกันอีก 2-3 ครั้งกว่าเราจะพร้อมยอมรับแบบมิด้าม ดังนั้นจึงไม่ควรรีบร้อน

ที่มา : WOMAN PLUS

เจาะลึก : ผู้ชายขายตัว !!

Monday, June 29, 2009

มาถึงสมัยนี้แวดวงหมู่ชาวเกย์ เด็กขายน้ำดูเป็นคำโบราณคร่ำครึ คำที่ทันสมัยในปัจจุบันจึงผันเปลี่ยนมาใช้คำว่า “เซลล์”..นัยว่าจะช่วยยกระดับอาชีพนี้ให้ดูดีขึ้น

วันนี้ด้วยสังคมที่เปิดกว้าง ยอมรับรสนิยมกามารมณ์ส่วนตัวมากขึ้นเท่าใด จำนวน “เซลส์” ที่เคยมีบริการกันแบบ “ลับเฉพาะ” ในสถานบริการบางแห่ง จึงพัฒนาแพร่ขยายมาถึงขั้นมี “นายบริการทางโทรศัพท์”…..”เซลล์” หรือ “ธุรกิจโสเภณีชาย” ไปไกลกว่าที่คนนอกวงการคาดคิด เพราะมีบริการแบบ “ฟูลออพชั่น” ทั้งเป็นแบบเพื่อนเที่ยว เพื่อนออกงานสังคม และเพื่อนนอน

ยิ่งกว่านั้นวันนี้ “โสเภณีชาย” ไม่เพียงขายตัวกับเกย์ หากแต่รวมไปถึงการขายตัวให้กับบรรดาสาวแก่แม่ม่ายใน “แวดวงไฮโซ”!!! ทั้งนี้เมื่อนึกถึงสถานที่ที่มีผู้ชายขายตัว

“วังสราญรมย์” เป็นสถานที่แห่งหนึ่งในอันดับต้นๆ ที่ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกันและ “ผู้หญิงขี้เหงา” ส่วนใหญ่นึกถึง เพราะบริเวณนี้ถือเป็นศูนย์รวมของผู้ ชายขายตัวทุกประเภท

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่มีจิตใจเป็นหญิง หรือผู้ชายที่รูปร่างกำยำ แต่มีจิตใจชอบผู้ ชาย และประเภท “เสือไบ” หรือผู้ชายที่ได้ทั้งชายและหญิง

ปัจจุบัน “ตลาดกาม” แห่งนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ที่ครั้งหนึ่งจะมีเพียงการขายตัวธรรมดา ตกลงราคากันข้างทาง ถูกใจก็ขึ้นรถไปกับลูกค้า แต่งตัวตามแฟชั่นทั่วไปเท่านั้นไม่ได้เน้นอะไรมากมายนัก

แต่ทุกวันนี้ “โสเภณีชาย” ย่านนี้มีการพัฒนามากขึ้น บางคนผูกไทใส่สูท รูปร่างกำยำ หน้าตาหล่อเหลา การพูดจาสื่อสารสุภาพ อีกทั้งมี “โปรโมชั่น” ใหม่ๆให้ลูกค้า

ปัจจุบัน “ตลาดกาม” แห่งนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่ครั้งหนึ่งจะมีเพียงการขายตัวธรรมดา ตกลงราคากันข้างทาง ถูกใจก็ขึ้นรถไปกับลูกค้า แต่งตัวตามแฟชั่นทั่วไปเท่านั้นไม่ได้เน้นอะไรมากมายนัก

“แมค” หนุ่มวัย 22 ปี รูปร่างกำยำ หน้าตาหล่อเหลา แต่งกายสะอาดตา

หนึ่งใน “โสเภณีชาย” ที่ยึด “วังสราญรมย์” เป็นแหล่งทำมาหากิน บอกว่า

* อัตราค่าบริการของเขาอยู่ที่ 500 บาท

* เพิ่มเวลาให้จากเดิม 2 ชั่วโมง เป็น 3 ชั่วโมง

* หากให้บริการต่อเนื่องได้ “ไม่ถึง 30 นาที ยินดีคืนเงิน” หรือ “ฟรี” สำหรับลูกค้าผู้หญิงและลูกค้าเพศชายที่เป็นฝ่ายรับ

* แต่สำหรับลูกค้า “ชาวต่างชาติ” เขาจะเพิ่มราคาเป็น 800 บาท ไม่รวมค่าห้องพักที่จะต้องตกเป็นภาระของลูกค้า

“แมค” เล่าอีกว่า

ขณะนี้ผู้ชายที่มาขายบริการในสถานที่นี้ต้องแข่งขันแย่งลูกค้ากันด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

* การแต่งกายที่จะต้องดูดีสะอาดตา

* บางวันมีคนใส่สูทผูกเนคไทมายืนขายบริการ

* ขณะที่รูปลักษณ์ที่กลุ่มลูกค้าให้ความสนใจ คือ

ต้องมี “รูปกายกำยำ” เขาก็ต้องไปเล่นกล้ามเพาะกายตาม “ฟิตเนส” ราคาถูก ส่วนคนที่ไม่มีเงินมากนักก็จะออกกำลังกายอย่างง่ายๆอยู่กับที่พัก…..

ส่วน “ลูกค้า” มีมากหน้าหลายตา

บางคนขับรถยนต์ยี่ห้อดีราคาหลักล้าน บางคนนั่งแท็กซี่ บางคนขี่รถจักรยานยนต์ บางรายให้เจ้าหน้าที่จากโรงแรมขับรถมารับถึงที่ สำหรับลูกค้าผู้ชายที่นิยมชายด้วยกัน อายุเฉลี่ยประมาณ 25 ปีขึ้นไป

ขณะที่ผู้หญิงที่เข้ามาใช้บริการน้อยกว่าอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไปเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะ “เมา” มาแล้วแทบทั้งสิ้น

แมค กล่าว

“ผมเข้ามาหากินอยู่บริเวณนี้นานหลายเดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ขายบริการอยู่แถบถนนสีลม แต่ด้วยการที่มีคนเข้ามายึดอาชีพนี้เยอะ มีเด็กรุ่นใหม่หน้าตาดี ทำให้รายได้น้อยลง

จึงตัดสินใจออกมาหากินแบบอิสระ ตอนอยู่ร้านแห่งหนึ่งแถวสีลม คืนหนึ่งๆผมได้แค่ 800 บาท โดนตัดหัวคิวครึ่งต่อครึ่ง อีกทั้งคนเชียร์แขกถ้าไม่ให้เขา เขาก็จะเชียร์คนอื่น ผมออกมาหากินข้างนอกดีกว่า”

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าในอนาคต “แมค” และผองเพื่อน ร่วมอาชีพ “โสเภณีชาย” อาจจะต้องได้รับผลกระทบมากขึ้น เพราะนอกเหนือจาก “เด็กใหม่” ที่ก้าวขึ้นมาแทนที่แล้ว

ขณะนี้พบว่า “ชาวต่างชาติ” โดยเฉพาะประเภท “นิโกร” กำลังคืบคลานเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากพวกเขา เพราะกำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่งจากลูกค้า

ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังปล่อยให้ “ตลาดโสเภณีชาย” ทั้งไทยและเทศ เติบโตอยู่เช่นนี้ต่อไป สุดท้ายผลกระทบจะเกิดขึ้นกับ….. “สถาบันครอบครัว“!!!

ที่มา : แนวหน้า

พาเหรดเกย์ที่เยอรมนีร่วมไว้อาลัย “ไมเคิล แจ็คสัน” เสียชีวิต

Sunday, June 28, 2009

เบอร์ลิน 28 มิย. – กลุ่มชาวเกย์ เลสเบี้ยน และสาวประเภทสอง มาร่วมขบวนพาเหรดที่กรุงเบอร์ลิน ในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งผู้ร่วมงานหลายคนต่างไว้อาลัยให้กับ ไมเคิล แจ็คสัน ซูเปอร์สตาร์เพลงป็อปที่เสียชีวิตเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

แฟนเพลงชาวเกย์กล่าวว่า แจ็คสัน เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง โดยผู้ร่วมขบวนพาเหรดต่างแต่งกายหลากหลาย โดยเฉพาะบางคนที่แต่งกายในชุดดำ และมีภาพของราชาเพลงป็อปด้วย ขบวนพาเหรดกลุ่มรักเพศเดียวกันมีขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิของพวกเขา และมีขบวนพาเหรดในเยอรมนีเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2522 ที่กรุงเบอร์ลิน

ที่มา : mcot new

เล่นสนุกกับองศาของ "เจ้าหนู"

Thursday, June 25, 2009

เคยสังเกตกันไหมว่า เจ้าหนู ของผู้ชายยาม แข็งตัวตั้งเด่ แต่ละคนอยู่ในทิศทางที่แตกต่างกัน บางคนไปทางซ้าย บางคนเอียงทางขวา แถมยังกระดกขึ้นกระดกลงในองศาที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น สาวไฟแรงสูงอย่างเราจึงต้องรู้วิธีหาความสนุกกับองศาที่แตกต่างของเจ้าหนู ไม่งั้นอาจหลุดผลัวะง่ายๆ หากใช้ลีลาไม่ถูกมุม ก่อนเรื่องสนุกเราลองมาเรียนรู้สักนิดว่า เจ้าหนูสามารถแปรสภาพจากปวกเปียกป้อแป้ แล้วแข็งตัวเด้งดึ๋งดั๋งได้อย่างไร

• ความจริงทางกายภาพ

เมื่อผู้ชายถูกกระตุ้นเร้าจนใจวาบหวิว สมองจะส่งข้อความในเชิงกระตุ้นอารมณ์ไปยังเซลล์กล้ามเนื้อบริเวณโคนของ เจ้าหนู ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเลือดไหลเข้าสู่ เจ้าหนู อวัยวะส่วนนี้จึงคับคั่งไปด้วยเลือด ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ แล้วตั้งตรงโด่เด่ เรียกร้องความสนใจเป็นที่สุด เซลล์ที่เอ่อคั่งด้วยเลือดสร้างแรงกดดันจนปิดเส้นเลือดตรงโคนของเจ้าหนู เลือดจึงไหลย้อนกลับออกมาไม่ได้

• เรื่องสนุกกับเจ้าหนู

ทิศทางของ เจ้าหนู เวลาแข็งตัวของผู้ชายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชี้ตรงเป๊ะพุ่งไปข้างหน้าในมุม 90 องศา บางคนโค้งงอตัวโก่ง บางคนก้มหน้าก้มตาชี้ลงพื้น แต่ไม่ว่าชี้ไปทิศทางไหนก็ถือว่าปกติทั้งนั้น เราเพิ่มความสนุกสนานมันส์ถึงใจกับเจ้าหนูของเขาได้ ด้วยการเลือกใช้ลีลาบนเตียงให้เหมาะกับมุมเอียงมุมตกและมุมตั้งสารพัดมุมดังนี้

+ ถ้าเจ้าหนูทำมุม 30 องศา (กระดกขึ้นมาหาหน้าท้อง)
ผู้หญิงขึ้นคร่อมอยู่ข้างบน ชะโงกไปข้างหน้าเอนตัวไปหาผู้ชาย

+ ถ้าเจ้าหนูชี้กระดกขึ้นข้างบน
เซ็กซ์ในท่ายืนหรือท่ามิชชันนารีตามปกติจะเวิร์กมากๆ ได้อารมณ์สุดๆ

+ ถ้าเจ้าหนูชี้พุ่งตรงไปข้างหน้า (ทำมุม 90 องศากับลำตัว)
ผู้หญิงขึ้นคร่อมอยู่ข้างบน (แต่ไม่ใช่ท่านั่ง) ลำตัวตั้งตรง ท่านี้เหมาะเหม็งมาก หรืออีกท่าคือท่ามิชชันนารีแล้วยกเข่าขึ้นมาชิดหน้าอก ก็โอเคใช้ได้และมันส์สุดๆ

+ ถ้าเจ้าหนูชี้ลงข้างล่าง
ลองใช้ท่าคาวเกิร์ลขึ้นควบขี่ ขอเสนอให้นั่งหันหน้าไปทางปลายเท้าของเขา แล้วเอนตัวไปข้างหน้า อยู่เหนือหัวเข่าของเขา

+ ถ้าเจ้าหนูชี้ไปด้านข้าง
ทำการทดลองโดยผู้หญิงอยู่ข้างบน เอนตัวไปตามทิศทางที่เจ้าหนูเอียงไปทางนั้น หรือเอนไปทางตรงกันข้ามก็ได้ ลองทำหลายๆ มุมเพื่อค้นหาว่ามุมไหนที่เจ๋งและได้อารมณ์วาบหวิวที่สุด

เจ้าหนู ยามแข็งขันคับคั่งด้วยเลือดมากกว่าตอนปกติซึ่งนิ่มย้วยป้อแป้ถึง 8 เท่า แถมยังสามารถแข็งขันตั้งเด่อยู่ได้นานถึง 40 นาทีโดยเฉลี่ยยิ่งอายุน้อยเท่าไรก็ยิ่งอยู่ได้นานขึ้นเท่านั้น

อ่านแล้วก็ Apply ใช้กันเองนะครับ

ที่มา : WOMAN PLUS

"เซ็กซ์หมู่" แรงปรารถนาทางเพศ กับสุขภาวะที่ปลอดภัย

Wednesday, June 24, 2009

หากจะกล่าวถึงในอดีดที่ผ่านมา ความต้องการทางเพศเป็นเรื่องที่ถูกปิดกั้น แอบซ่อน เป็นเรื่องน่าอาย และที่สำคัญถือเป็นเรื่องส่วนตัว หากจะมีเพศสัมพันธ์กันคงต้องมีอย่างมิดชิด และปกปิดบอกใครไม่ได้ เป็นความลับสุดยอด เป็นสิ่งที่ควรจะรู้แค่คนสองคนเท่านั้น กล่าวคือ เฉพาะคู่นอนของเขาและเธอเท่านั้น ซึ่งหากใครปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคนอื่น.. ก็โดนชุมชนรอบข้างประจาน ดูหมิ่น หากว่าเป็นพวกมักมากในตัณหา และความใคร่

สำหรับกลุ่มชายรักชายกิจกรรม “เซ็กซ์หมู่” หรือ “ORGY” คำศัพท์ที่หนุ่มๆ คนไหนก็ตามที่มีหัวใจสีม่วง รักสนุก ชอบความท้าทาย ชอบวาดลวดลายบทรักบนเวทีสังเวียนสวาทให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆด้วยกันได้ชื่นชม ต้องรู้จักและเข้าใจถึงคำศัพท์คำนี้อย่างแน่นอน

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวล้ำนำสมัยมาก หรืออาจเรียกได้ว่ามากจนเกินไป และมากจนทำให้คนในชุมชนเราพยายามหันกลับเข้าหาธรรมชาติ เพื่อต้องการพบสิ่งที่ทำให้ตนเองรู้สึกมีความสุข และผ่อนคลาย ไม่ว่าเป็นแนวคิดของการจะใช้ชีวิตควบคู่กับธรรมชาติ กล่าวคือสิ่งปลูกสร้าง อาคาร สถานที่พักแรมต่าง ๆ เริ่มมีการดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการแต่งเติม หรือเพิ่มองค์ประกอบเพื่ออาคารสถานที่นั้นน่าอยู่ มีคุณค่า และผ่อนคลาย อาหารการกินซึ่งประกอบขึ้นโดยวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติไม่มีสารเคมีใดๆ เจือปนถูกผลิต และนำออกมาจำหน่ายด้วยเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ราคาสูงลิบลับ

ธุรกิจประเภทสปา การนวดอโรม่า โดยใช้กลิ่นหอมของน้ำมันระเหย ไม่ว่าจะสกัดจากตะไคร้หอม มะกรูด มะนาว มะลิ เพื่อความผ่อนคลาย ความเมื่อยล้าเรียกได้ว่าฮิตเป็นอันดับหนึ่งในยุคปัจจุบัน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำสำหรับผู้ประกอบธุรกิจประเภทนี้ อีกทั้งยังเป็นการส่งแรงงานไปต่างแดนเพื่อสร้างรายได้กลับมาพัฒนาประเทศชาติได้อีกด้วย

สำหรับกลุ่มชายรักชายที่มีหัวใจรักกิจกรรม “ORGY” เป็นเรื่องที่สุดแสนจะสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ ท้าท้าย กับการปล่อยเนื้อตัวที่ปราศจากเสื้อผ้าอาภร กับกลุ่มคนที่หัวใจ หรือแนวความคิดเดียวกัน มันเป็นการผ่อนคลายที่สนุกสุดยอด เป็นการกลับไปอยู่สภาวะที่ธรรมชาติแบบคนป่า ที่ทั้งเขาและเราไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน แค่คุณและผมมีความต้องการที่ตรงกัน และก็เพียงแค่นั้นจริงๆ ที่ทำให้เราสามารถจะมีเพศสัมพันธ์ได้พร้อม ๆ กันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าเห็นตากันด้วยซ้ำ แค่ใช้เพียงปลายมือสัมผัสกายของอีกฝ่ายหนึ่งพอให้รู้ว่า เขามีหุ่น ลักษณะที่โดนใจของเราหรือเปล่าก็เท่านั้น ซึ่งหากว่าพอจะไปวัดไปวาได้ก็วาดลวดลาย อวดประชันกันบนเวทีสังเวียนรักกันได้อย่างเปิดเผย.

เนื่องจากความต้องการทางเพศเป็นความต้องการเดียวที่มนุษย์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตนเองได้ มีความจำเป็นที่จะต้องให้ผู้อื่นมาตอบสนองตนเองอยู่แล้ว ซึ่งความต้องการเพศนั้น ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีผู้ที่สนองตอบตัวเราเองเพียงคนเดียวด้วยเช่นกัน อาจจะมีคนสนองความต้องการเราทีเดียว 2 -3 คนหรือมากกว่านั้นก็ได้..

บุคคลกลุ่มที่ยินยอมพร้อมใจที่จะมีเซ็กซ์หมู่นั้น ไม่จำเป็นต้องมีความผิดปกติทางจิตใจใด ๆ เลยก็เป็นได้ แต่เป็นพวกที่มีความกล้าบ้าบิ่น ชอบความท้าทาย ชอบความสะใจอะไรก็ตามที่นอกเหนือกฎเกณฑ์ให้ชีวิต แต่ทั้งนี้บุคคลเหล่านี้ก็อาจเป็นกลุ่มคนจำพวกที่มีความวิตถารทางเพศ ซึ่งมักจะชอบได้รับความสุขทางเพศที่ตื่นตาตื่นใจแบบไม่ธรรมดาที่สามารถสนองกิเลสตัณหา บำบัดความใคร่ของตนเองเท่านั้น

คำว่า “วิตถาร” ตามพจนานุกรมไทย ฉบับมหาวิทยาลัย โดย ดร. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรมได้ให้ความหมายว่า ผิดเยี่ยงอย่าง , แผลง ๆ , เกินเหตุ มากเกินไป หากนำวิตถารมาผนวกกับคำว่าทางเพศ ก็แปลได้ว่า พฤติกรรมทางเพศแบบแผลง ๆ เกินเหตุ มากเกินไป

คนวิตถารทางเพศ จึงไม่ใช่คนบ้า..ไม่ใช่โรคจิต แต่เป็นพวกที่มีพฤติกรรมที่แปลก ๆ แผลง ๆ เท่านั้น สำหรับกิจกรรม “ORGY” ของกลุ่มชายรักชายนั้น สำหรับเราทั้งหลายที่ทำงานด้านการขับเคลื่อนเกี่ยวกับโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในมิติเชิงสังคมศาสตร์การแพทย์ อยากหยิบยกมาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟัง... เผื่อว่าเพื่อน ๆ น้อง ๆ พี่ ๆ คนไหนมีโอกาสที่จะบอกพวกหนุ่มๆ ที่มีหัวใจรักสนุกชอบอะไรแผลง ๆ จะได้ช่วยกันกระซิบข้างหูเขาแบบเพื่อน ๆบอกเพื่อน

หนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบกิจกรรม “ORGY” คุณควรจะรู้จักวิธีป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ

เอชไอวี เพราะเนื่องจากว่าเราไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังวาดลวดลายบรรเลงเพลงสวาทกับเรานั้นเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ ฉะนั้นวิธีการที่ดีสุดคือ ต้องสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบถวายบัว (Oral sex) พร้อมๆ กันแบบทีเดียว 2 ดอก คุณก็ควรจะแนะนำให้อีกฝ่ายรุกทั้งสองคนนั้นรู้จักสวมถุงยางอนามัยด้วย เพราะมันจะช่วยลดพฤติกรรมกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี

หลายคนบอกกล่าวว่าการถวายบัวให้คู่นอนโดยที่คู่นอนสวมถุงยางอนามัยนั้น ฝ่ายรับจะรู้ขยะแขยง คลื่นไส้เพราะเหม็นกลิ่นถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังดูอาจเป็นไปได้สำหรับหลาย ๆ คน แต่พฤติกรรมดังกล่าวก็ไม่ยากเกินแก้ไข. หากเพื่อนว่าง ๆก็ลองเอาถุงยางอนามัยมาเป่ามาอมเล่นสิ.. สร้างความเคยชิน เหมือนอย่างที่ผมทำอยู่ทุกๆ วัน.. แล้วสักพักหนึ่งคุณก็เกิดความเคยชิน และไม่รู้สึกรังเกียจถุงยางอนามัย

แต่สำหรับคนที่ชอบค่อยข้างโลภมาก.. ยอมให้ฝ่ายรุกสองคนสอดใส่อวัยวะเพศเข้าทางทวารหนักพร้อม ๆ กัน. เราอยากบอกคุณเหลือเกินว่าลองเปลี่ยนเป็นผลัดกันสอดใส่ หรือผลัดกันเสียบทีละคนดีไหม. เพราะถึงแม้ว่าฝ่ายรุกทั้งสองคนจะสวมถุงยางอนามัยก็ตาม

โดยปกติแล้วการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่นั้นของกลุ่มชายรักชาย มันย่อมเกิดการเสียดสีที่รุนแรง และโดยธรรมชาติบริเวณทวารหนักก็ไม่ได้ไม่มีการสารคัดหลั่งที่จะช่วยหล่อลื่นเพื่อลดการเสียดสีและส่งผลให้บริเวณปากทวารหนักของฝ่ายรับซึ่งเป็นเยื่อบุผนังอ่อนเกิดการปริและฉีก ขาดได้ เรียกว่าขนาดมีเพศสัมพันธ์แบบปกติยังมีความเสี่ยงเลย.. หากถ้าคุณปล่อยฝ่ายรุกสองคนใช้อวัยวะเพศชายสอดใส่เข้าไปบริเวณทวารหนักพร้อมกันแล้ว แม้คุณจะใช้ถุงยางอนามัยก็อาจเกิดเสียดสีที่รุนแรง และทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาด และนำไปสู่การติดเชื้อเอชไอวีได้เช่นกัน

สำหรับฝ่ายรับทุกคนที่ก็ควรที่จะรู้ป้องกันตัวเอง.. พยายามพกถุงยางอนามัยกับสารหล่อลื่นชนิดน้ำไว้กับตัว. หมั่นสังเกตเป้าหมายคนต่อไปหรือคนที่คุณอยากจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย หากเขา ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงยางอนามัยหลังจากใช้แล้วกับคนอื่น คุณก็สามารถที่หยิบยื่นให้เขาได้ทันที....

อย่าใจร้อน หรือมักง่ายปล่อยให้เขาเอาถุงยางที่ใช้แล้วกับคนอื่น ๆ มาใช้กับคุณโดยเด็ดขาด...

จากผลการสำรวจอัตราการติดเชื้อกลุ่มชายที่เพศสัมพันธ์กับชายของ โครงการเก็บข้อมูลเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณะสุข สำนักงานระบาดวิทยา และสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 ทางศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทยได้จัดเสวนาเกี่ยวกับสถานการณ์เอดส์ในกลุ่มชายรักชาย โดยทางสำนักงานระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุขนำโดยนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิตพัฒน์ ได้แถลงอัตราการติดเชื้อในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในเขตกรุงเทพมหานครในปี 2550 มีอัตราถึง 30.7 %

หากจะพูดง่าย ๆ คือ ถ้าในกลุ่มชายรักชายที่ไป “ORGY” กันนั้นมีทั้งหมด 30 คน แน่นอนว่าใน 30 คนจะมีคนเป็นผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 10 คน เราจึงอยากจะบอกให้เพื่อน ๆ ที่รักสนุกในกิจกรรม “ORGY” ทุกคนรู้สึกตระหนัก และรู้จักที่จะดูแลตนเองด้วย

คนวิตถารทางเพศ จึงไม่ใช่คนบ้า..ไม่ใช่โรคจิต แต่เป็นพวกที่มีพฤติกรรมที่แปลก ๆ แผลง ๆ เท่านั้น สำหรับกิจกรรม “ORGY” ของกลุ่มชายรักชายนั้น มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ถ้าพวกเรารู้จักป้องกันตนเอง โดยใช้ถุงยางอนามัยทุกกับสารหล่อลื่นชนิดน้ำทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว กิจกรรม “ORGY” ก็กิจกรรมที่ปลอดภัย

ที่มา : ไทยจีเอ็มซีดอทคอม

เทรนด์ใหม่ชายไทยบริโภค กระเทย เหตุไม่ท้อง

Tuesday, June 23, 2009

กลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแฉ เทรนด์ใหม่ชายไทยนิยมบริโภค กระเทย เหตุไม่ท้อง ไม่มีเด็ก เลยประมาทไม่สวมถุงยางจนติดเอดส์ ด้านกลุ่มฟ้าสีรุ้งเผยชายรักชายติดเอดส์พุ่ง ไปเที่ยวแต่ไม่กล้าขอถุงยาง สธ.เผยสถานการณ์เอดส์คุกคามทั่วโลก ป่วยนาทีละ 5 คน

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึงปัจจุบัน คาดว่าประเทศไทยมีผู้ใหญ่ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 1.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้วประมาณ 585,830 คน ยังเหลือผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่มีชีวิตประมาณ 532,522 คน และมีผู้ใหญ่ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 12,787 คน ทั้งนี้ในปี 2551 จากรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล

พบว่า สาเหตุหลัก 84 % ยังมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ที่น่าห่วงคือในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี แนวโน้มการติดเชื้ออาจขยายวงกว้างขึ้น เนื่องจากมีสื่อลามกยั่วยุและเข้าถึงได้ง่าย มีผลให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยพบว่าวัยรุ่นดูหนังหรือวิดีโอโป๊เฉลี่ย 60 % โดยวัยรุ่นชายดู 82 % วัยรุ่นหญิงดู 48 % และเปิดเว็บลามกดูเฉลี่ย 35 % หรือประมาณ 1 ใน 3 ของวัยรุ่น และมีอัตราการป้องกันการติดเชื้อเมื่อมีเพศสัมพันธ์ต่ำกว่า 50 % ทั้งนี้ผู้หญิงมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยเพียง 39 % ทำให้อัตราวัยรุ่นหญิงป่วยเป็นโรคเอดส์สูงกว่าชาย 2 เท่าตัว

ด้านนก ยลลดา เกริกก้อง สวนยศ ประธานกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแห่งประเทศไทย มิสอัลคาซาร์ปี 2005 กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้ม หรือ เทรนด์ที่หนุ่ม ๆไทย มีอะไรกับกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าวัยรุ่น วัยหนุ่มหรือแก่ โดยมีสโลแกนที่ว่า “ประชากรจะไม่ล้นโลก ถ้าหันมาบริโภคกระเทย” เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กันแล้วไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องท้องให้รับผิดชอบ ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงจริง ๆ ปัญหาที่พบคือ ผู้ชายกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย เพราะมั่นใจว่าไม่มีลูกแน่ ๆ แต่เรื่องนี้กลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้ติดโรคเอดส์ ซึ่งขอเรียนว่า ปัญหาโรคเอดส์ไม่ได้ติดเฉพาะในผู้หญิงกับผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้น แต่ในกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้แปลงเพศ และมีเพศสัมพันธ์กับเกย์ก็ติดโรคเอดส์ได้เช่นกัน

ด้านนายปรัตถกร นิ่มแสง กลุ่มฟ้าสีรุ้ง กล่าวว่า ตอนนี้ยอมรับว่ากลุ่มชายรักชายมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2550 มีผู้ติดเชื้อถึง 28.3 % ของกลุ่มชายรักชาย ที่ผ่านมากลุ่มชายรักชายได้ไปรณรงค์เรื่องโรคเอดส์ในสถานบริการมากขึ้น โดยขอให้ผู้ประกอบการจัดเตรียมถุงยางอนามัยให้ให้ผู้ไปเที่ยว แต่ก็พบว่า นักเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้ไปขอรับถุงยางเนื่องจากอาย อย่างไรก็ตามการวางถุงยางไว้ที่เคาท์เตอร์แต่ก็เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย เพราะหากตำรวจเข้ามาตรวจค้นก็อาจโดนข้อหาเรื่องค้าประเวณีได้

ที่มา : เอ็มไทยดอทคอม

การเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเกย์

Monday, June 22, 2009

“ถ้าเธอจะไป อย่าได้หันกลับมาเพราะไม่มีหนทางกลับไปในที่ที่เธอจากมา...”
(เพลงจากภาพยนตร์เรื่อง “You Are Not Alone”)

COMING – OUT (การเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเกย์)

แม้ การมีความรักในบุคคลเพศเดียวกันไม่ได้เป็นความป่วยไข้ หากเป็นความหลากหลายในความชอบทางเพศของมนุษย์ แต่การเปิดเผยตัวตนของตนเองต่อคนรอบข้าง หรือสาธารณชน ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละคน

สังคมของเกย์แต่ละคนเป็นเงื่อนไขของการตัดสินใจ มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ว่า ตนควรเปิดเผยหรือไม่

สังคมในบ้าน - พ่อและแม่อาจจะรับรู้จากพฤติกรรมประจำวันของเรา รวมถึงความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้าง

เกย์ บางคนส่อแววตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่นั่นไม่สามารถทำให้พ่อแม่ปักใจเชื่อได้ว่าลูกเป็นเกย์หรือไม่ ต้องรอจนกระทั่งลูกโตเป็นหนุ่ม ถึงจะเห็นกับตาหรือฟังกับหูได้ว่า ลูกคบกับใคร หญิงหรือชาย ลักษณะความสัมพันธ์เป็นอย่างไร

บ่อยครั้ง เรามักพบว่า พ่อแม่ต้องการกีดกันผู้หญิงออกจากลูกชายของตนเนื่องจากเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา สมควรที่จะมีแฟน แต่กลับกลายเป็นว่า ลูกชายมีแต่เพื่อนชาย ทั้งที่อนุญาตให้มานอนค้างที่บ้าน หรือปล่อยให้ลูกไปค้างแรมกับเพื่อน

เราจะบอกพ่อแม่ได้ไหม และเมื่อไหร่ - คำถามนี้จะมีคำตอบเกิดขึ้นเองเมื่อถึงเวลา ถ้าหากเราอยู่ในบ้านอย่างอบอุ่น พ่อแม่ไม่ได้มีทัศนคติในทางลบกับเกย์ การเปิดเผยตัวต่อพ่อแม่คงไม่ใช่เรื่องจำเป็น อีกทั้งการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง หรือหลุดจากภาพ “ลูกที่น่ารัก” ก็คงไม่สมควรนัก

พ่อแม่สามารถเรียนรู้จักลูกชายที่เป็นเกย์ของตนได้ จากความใกล้ชิด ความสนิทสนม ความเป็นเกย์สามารถสังเกตได้จากอากัปกิริยา ภาษา เครื่องแต่งกาย และมุมมองความคิด ข้อควรปฎิบัติอย่างแรกและอย่างเดียวของพ่อแม่เมื่อรู้ว่าลูกของตนเป็นเกย์ก็ คือ ยอมรับ หลังจากนั้นให้ลืมคำถามประเภท “เป็นความผิดของใคร” ไปได้เลย

สังคมในที่ทำงาน – คำตอบลอยอยู่ในบรรยากาศรอบข้างของเจ้าตัวเช่นกัน หากควานหาไม่พบ ให้ลองถามตัวเองซ้ำครั้งว่า ความเป็นเกย์ของเรามีผลกระทบต่อหน้าที่การงานอย่างไรบ้าง เพื่อนร่วมงานมีทัศนคติหรือความรู้สึกอย่างไรต่อเกย์

ลองนึกภาพตัว เองเป็นสมาชิกคนหนึ่งในรัฐสภา ตราบถึงทุกวันนี้เรายังไม่เคยรับรู้ว่า มีเกย์ในรัฐสภาหรือไม่ หากเราเป็นหนึ่งในนั้น เราเองจะรู้สึกอย่างไร – แน่นอน ในความเป็นจริง ที่ทำงานเราไม่ใช่รัฐสภา แต่ถ้ามันคล้ายกันละก็ ให้ปิดปากนิ่งและทำงานไปเงียบๆ จะดีกว่า แล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้งว่า จะทนอยู่ในความกดดันต่อไป หรือจะแสวงหาที่ทำงานใหม่

แต่หากบรรยากาศ ในที่ทำงานปลอดโปร่งและอบอุ่น ก็ควรปฎิบัติเหมือนกับสังคมที่บ้าน คือจิ๊จ๊ะให้พองาม เพราะหากเกินเลย พ่อแม่คงไม่ถือสาด่าว่า แต่คนที่ทำงานไม่แน่

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ วัยวุฒิ – ตอนวัยกระเตาะเราคงยังอ้ำอึ้ง แม้จะแอบมองผู้ชายรุ่นพี่ หรือแอบทำปากเรื่อแดงในห้องเรียน แต่กาลเวลาสามารถทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ หากใครไม่ได้ใฝ่ฝันอยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กๆ

เกย์ไม่ใช่ผู้หญิง แม้แต่เพื่อนผู้ชายโคตรแมนที่นั่งเก้าอี้ติดกับเรา เขาก็ไม่ได้ต่างจากเรา ยกเว้นความชื่นชอบในเพศรสเท่านั้น ดังนั้นจังไม่จำเป็นต้องใส่จริตหญิง เพราะนอกจากไม่ได้ทำให้ตนเองดูดีแล้ว
ยังได้ชื่อว่าเป็น “กะเทยหัวโปก”อีกต่างหาก

ที่มา : peter

โลกไร้หม้อ

Sunday, June 21, 2009

ฉันมีนิสัยอย่างหนึ่งคือ เวลาไปเดินเตร็ดเตร่ตามห้างหรือแถวสยาม จะต้องพยายามกวาดสายตามองหาพวกเดียวกัน ส่งเกย์ดาห์ออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางทีก็พยายามนับว่าวันนี้เจอคู่หญิง-หญิงกี่คู่แล้ว ยิ่งมากก็ยิ่งดีใจ เพราะรู้สึกเหมือนมีเพื่อนเยอะ ถ้าไปกับเพื่อน บางทีก็ต้องมีเถียงกันบ้าง ฉันว่าคนนั้นใช่ แต่เพื่อนกลับบอกว่าไม่ใช่ชัวร์ แล้วก็ลงเอยที่ว่าไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ก็ใครจะกล้าเข้าไปถามคนแปลกหน้าว่า เธอ ๆ เธอใช่พวกเดียวกับฉันรึเปล่า

เพื่อน คนหนึ่งเรียกการละเล่นเช่นนี้ว่า "ผีมองผี" ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยชอบคำว่า "ผี" นี้สักเท่าไร เพราะดูเลวร้าย น่ากลัวชอบกล แต่คิดไปคิดมา คำว่าผีนี้อาจจะแทนความมืดมิด ความที่ต้องอยู่ในที่ที่เปิดเผยตัวไม่ได้เต็มที่ เหมือนผีที่มาหลอกหลอนได้เป็นบางเวลา ตอนกลางวันไม่สามารถโผล่ออกมาได้

ถ้า มียันตร์กันผีแปะอยู่ก็ไม่สามารถก้าวล้ำเข้าไปในที่นั้น แถมซ้ำร้าย บางทียังถูกถ่วงลงหม้อ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ฝรั่งใช้สำนวนเรียกคนที่ไม่เปิดเผยตัวเองว่า "อยู่ในตู้" (closet) ซึ่งทำให้เห็นภาพของที่มืด ๆ แคบ ๆ ขาดอากาศหายใจ บางทีสำนวนไทย เราอาจใช้คำว่า "อยู่ในหม้อ" (แม่นาค) ซึ่งก็สามารถให้ความรู้สึกอึดอัดได้พอกัน อาจเลวร้ายกว่า ตู้ด้วยซ้ำ เพราะต้องถูกถ่วงอยู่ใต้น้ำ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

บางทีก็อยากรู้ เหลือเกินว่า ถ้าเราโตขึ้นมาในโลกที่คนยอมรับการรักเพศเดียวกัน พอ ๆ กับยอมรับการแปรงฟันในตอน เช้า มันจะเป็นยังไงบ้าง โลกใบนั้นบางทีก็ดูจะไกลเกินเอื้อม ยิ่งเวลาเจอพวกหัวโบราณ ที่เห็นว่าผู้ชายต้องคู่กับ ผู้หญิงตลอดกาลด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกท้อแท้ เหมือนกับว่าเราเกิดมาผิดโลกซะอย่างนั้น

แต่ก็ยังดีอยู่หน่อยที่โลกมันไม่ได้เป็นอย่างนี้เสมอไป

มีคนเขาไปค้นคว้ามาให้แล้วนะ คน ๆ นี้ชื่อ เลสลี่ ไฟน์เบิร์ก เป็นคนอเมริกันคนหนึ่งที่โตมาแบบแตกต่าง จากนิยามคำว่า เพศที่มีอยู่ในสมัยเมื่อ 40-50 ปีก่อน ไฟน์เบิร์กเองนิยามตนว่าเป็น ทรานสเจนเดอร์ คือเธอ (หรือเขา) เกิดมามีสรีระ ร่างกายเป็นหญิง แต่โตขึ้นก็เริ่มแมนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ดูจากรูปแล้ว มองไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นผู้หญิง การที่โต มาอย่างแตกต่างจากคนรอบข้าง ทำให้เธอพยายามแสวงหา "เพื่อนผี" ด้วยกันตลอดประวัติศาสตร์ งานเขียนของ เขา (หรือเธอ) บอกให้เรารู้ว่า โลกที่กะเทย เกย์ เลสเบี้ยน คนที่มีเพศสภาพที่แตกต่าง สามารถได้รับการยอมรับนั้น เคยมีอยู่จริง

ฉันขอเล่าตัวอย่างหนึ่งที่ไฟน์เบิร์กยกขึ้นมา ก็คือ ในโลกของ ชนพื้นเมืองอเมริกัน หรือ อินเดียนแดง

ข้อมูล ส่วนใหญ่ที่ไฟน์เบิร์กค้นคว้ามา เป็นบันทึกของพวกทหาร มิชชันนารี หรือ นักมานุษยวิทยา ที่เข้ามาในอเมริกา ยุคแรก ๆ คนเหล่านี้นำอคติทางเพศเข้ามา พร้อม ๆ กับการดูถูกเหยียดหยามชนพื้นเมืองอเมริกัน แม้บันทึกจะมีอคติ แต่ไฟน์เบิร์กก็บอกว่า มันทำให้เราเห็นได้ว่ามีคนที่มีเพศ-เพศสภาพแตกต่างอยู่ในอเมริกามายาวนาน แล้ว และที่สำคัญ คนเหล่านี้ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างสูง

ไฟน์เบิร์ก เล่าว่า ในปี คศ. 1567 Pedro de Magalhaes ทำการสำรวจในเขตบราซิลตอนเหนือ พบว่า ในเผ่า Tupinamba มีผู้หญิงที่ใช้ชีวิตแบบผู้ชาย ได้รับการยอมรับจากผู้ชาย ออกไปล่าสัตว์และ ออกรบ เหมือน ๆ กับผู้ชาย คณะสำรวจเห็นว่าผู้หญิงเหล่านี้เป็นนักรบหญิงเหมือนพวกอเมซอนในกรีก เลยตั้งชื่อแม่น้ำที่ไหลผ่านบริเวณนั้นว่า แม่น้ำอเมซอน อ่านถึงตรงนี้อิฉันก็ถึงบางอ้อว่า ผู้หญิงแมน ๆ เหล่านี้เองที่เป็นที่มาของชื่อแม่น้ำอันรู้จักคุ้นเคยกันดี
ปี 1930 นักมานุษยวิทยา Leslie Spier พบว่าบรรดาชนเผ่าในเขตตะวันตกเฉียงเหนือที่ติดมหาสมุทรแปซิฟิก มีคนที่เป็นกะเทย หรือเรียกอย่างดูถูกว่า Berdaches อาจจะในทุกเผ่า คนเหล่านี้เป็นผู้ชายหรือ ผู้หญิงที่แต่งตัวและ
มี ลักษณะนิสัยของเพศตรงข้าม

ไฟน์เบิร์กอธิบายเสริมว่า Berdaches นั้นเป็นคำที่ผู้บุกรุกชาวยุโรปใช้เรียกใครก็ตามที่มีเพศ-เพศสภาพไม่เป็นไป ตาม ความเข้าใจของคนยุโรป ในปัจจุบัน องค์กรเกย์อเมริกันอินเดียน ขอให้ใช้คำว่า Two-Spirit หรือ คนสองจิตวิญญาณ แทน ซึ่งคำนี้เป็นคำที่แสดงความเคารพ

อีกบันทึกเป็นของมิชชันนารีชาว ฝรั่งเศสที่ประณามคนสองจิตวิญญาณ แต่เขาเห็นว่าตัวชนเผ่าเองไม่ได้มีอคติ เช่นเดียวกับเขาเลย เขาบันทึกไว้ว่า "คนเหล่านี้เชื่อว่าพวกเขาได้รับการเคารพมาก พวกเขายังมีส่วนร่วม ในพิธีกรรมต่าง ๆ วิถีชีวิตเช่นนี้เป็นวิถีที่พิเศษมาก จนผู้คนพากันถือว่าพวกเขาเป็นชนชั้นสูงกว่า"
ก็ไม่ใช่ว่าทุกบันทึกจะมี แต่คำดูถูกเหยียดหยาม ไฟน์เบิร์กพบว่า บางทีบันทึกก็แสดงความสำคัญของ คนสองจิตวิญญาณ ออกมาได้เหมือนกัน เช่น ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 พระสงฆ์คณะเยซูอิตคนหนึ่งบันทึกไว้ว่า คนสองจิตวิญญาณนั้น "เรียกประชุมเผ่า และไม่มีการตัดสินใจใดเลยที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากพวกเขา ชีวิตที่พิเศษ อย่างนี้ถือว่าเป็นชีวิตที่มาจากพลังเหนือธรรมชาติ หรือว่ามาจากจิตวิญญาณ"

ไฟน์เบิร์ก พบว่าคนสองจิตวิญญาณในเผ่าต่าง ๆ นั้น มีชื่อเรียกหลากหลายกันไป เช่น

เผ่า Crow เรียกว่า bade
เผ่า Cocopa เรียกว่า warhameh
เผ่า Chumash เรียกว่า joya
เผ่า Maricopa เรียกว่า kwiraxame

ผู้ บุกรุกชาวยุโรปรังเกียจและกลัวคนเหล่านี้มาก จนพยายามกำจัดเสียสิ้น พร้อม ๆ กับการเข้ายึดครองดินแดนที่เกิด ควบคู่กับการเข่นฆ่าชนเผ่าพื้นเมืองไม่ว่าจะเพศใดก็ตาม

ว้า เรื่องเศร้าอีกแล้ว

แต่ก็ยังไม่จบแค่นั้น คนสองจิตวิญญาณก็ยังคงดำรงอยู่ได้จนทุกวันนี้ ตอนนี้เขาก็รวมตัวกันเป็นองค์กรแล้ว มีคนหนึ่ง ที่ไฟน์เบิร์กสัมภาษณ์ เธอชื่อ Spotted Eagle หรือ แปลเป็นไทย ๆ ว่า อินทรีย์ลายจุด เป็นเผ่า White Mountain Apache เธอเล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้ฟังคร่าว ๆ ดังนี้

"ฉันเกิดเมื่อปี 1945 แล้วก็โตมาอย่างได้รับการยอมรับเต็มที่ ฉันรู้ตั้งแต่เกิดแล้วว่า ฉันเป็นคนสองจิตวิญญาณ ทุกคนรอบ ๆข้างฉันก็รู้ดี คนอื่น ๆ ให้เกียรติฉัน ฉันเป็นสิ่งสร้างที่พิเศษ แล้วก็ได้รับพรสวรรค์ ให้สอนและรักษาคนอื่น ๆ แต่สิ่งเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ในคนรุ่นฉัน แต่เป็นรุ่นต่อจากฉัน"

"ในเผ่าของเรามีการพูดแตก ต่างกันสามแบบ คือ วิธีที่ผู้หญิงพูด ผู้ชายพูด และการพูดในพิธีกรรม ฉันพูดทั้งสามวิธี คนสองจิตวิญญาณที่แก่กว่าฉันในเขตสงวน* ก็พูดทั้งสามวิธีเหมือนกัน"

"พวกเราเป็นเผ่านับถือผู้หญิง (Matriarchy) แล้วก็เป็นมาตลอดประวัติศาสตร์แล้วด้วย ผู้หญิงในเผ่าเรามีสถานะต่าง จากผู้หญิงอื่น ๆ ข้างนอก ไม่ใช่ว่าเราจะมีอำนาจหรืออภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น แต่มันเป็นวิถีที่สมดุลกว่า เกิดมาเป็นผู้หญิง น่ะ ถือว่าเป็นข้อดี ถ้าเป็นคนสองจิตวิญญาณด้วยแล้วจะดีเป็นทวีคูณเลย ฉันไม่เคยมีความคิดแง่ลบเกี่ยวกับการ เป็นคนสองจิตวิญญาณเลย จนมาเริ่มมีตอนออกมาจากเขตสงวนน่ะแหละ"

ไฟน์เบิร์กถามเธอว่า ความเข้มแข็งและความภาคภูมิของเธอมาจากไหน

"ก็มาจากคนรอบข้างที่ให้ฉันมาเก็บรักษาไว้ ถ้าทั้งชีวิตของเธอสัมพันธ์กับจิตวิญญาณแล้ว เธอจะมีความภูมิใจในตัวเอง ภาพลักษณ์ของเธอเชื่อมโยงกับทุกสิ่งทุกอย่าง มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเธอ เธอจะหอบหิ้วมันไปด้วยในทุก ๆ ที่"

ถึงเรื่องคนสองจิตวิญญาณจะเป็น เรื่องสุขปนเศร้า แต่แง่คิดหนึ่งก็คือ แม้ประวัติศาสตร์อาจจะไม่ย้อนกลับไปรอยเดิม แต่เรื่องราวของโลกที่ยอมรับความแตกต่างทางเพศอย่างในอดีตหรืออย่างที่ อินทรีย์ลายจุดพบพานมาในเขตสงวน อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครบางคนลุกขึ้นมาทุบหม้อแม่นาคใบนั้น ฉีกยันตร์กันเกย์ทิ้ง แล้วประกาศอิสรภาพจากหมอผี ออกมาหายใจอย่างโลกอกท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่น

แล้วในโลกที่ไร้หม้อนั้น การละเล่น "ผีมองผี" ของฉันคงสนุกขึ้นอีกอักโข

ที่มา : peter

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ของผู้ชาย

Saturday, June 20, 2009

คือ การถูไถ penis เพื่อทำให้เกิดการหลั่งน้ำอสุจิ เพื่อระบายความใคร่ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง มักจะเป็นปฎิกริยาทางเพศครั้งแรกของเด็กหนุ่ม และสุดท้ายของผู้สูงอายุที่ไม่เป็นที่พึงปรารถนาของผู้ใดแล้ว ผู้ชายโดยมาส่วนใหญ่ได้เคยสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองอย่างน้อยที่สุดเป็น ครั้งคราว สำหรับบางคนมันเป็นกิจกรรมทางเพศอย่างเดียวเท่านั้นที่เขารู้จัก

การ สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองทำได้โดยใช้มือหรือโดยใช้การถูไถกับที่นอนหมอนข้าง การทำไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ เพื่อให้ลดความกำหนัดออกอย่างธรรมชาติหรือแสดงด้วยความรูสึกเสียวกระสัน หยุดสลับไปพร้อมด้วยวาดภาพที่ให้เกิดความรู้สึกทางอารมณ์ บางครั้งกระทำก่อนร่วมเพศเพื่อให้การร่วมเพศมีเวลานานออกไป

การทำ มาสเตอร์เบชั่นที่มากเกินไปหรือทำเพียงอย่างเดียว สามารถรักษาได้ด้วยการให้ความรู้เสียใหม่ การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับการกระทำในชีวิตสมรส

เมื่อเด็กสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง นักกามศาสตร์ว่าช่วยทำให้ความกระวนกระวายในใจน้อยลง บางคนสนุก การช่วยตัวเองจะเพิ่มมากในเด็กวัยรุ่น ที่ค้นพบวิธีให้ความสุขตัวเอง พออายุมากจะลดลง เพราะเริ่มชิน และมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น เรียน กีฬา หรือเครียดกับงาน

ฉะนั้นหากช่วยตัวเองวันละ 3-4 ครั้งย่อมไม่เป็นผลดี เป็นการหักโหม ธรรมชาติเด็กผู้ชายอายุ 6-7 ปี เริ่มเล่น**ของตัวเอง เด็กผู้หญิงเริ่มเล่น จิ๋มของตัวเอง ช่วงอายุ 10- 11 ปี ผู้ชายร้อยละ 45- 55 มีการช่วยตัวเอง ผู้หญิง ร้อยละ 40-60 การช่วยตัวเองเป็นเรื่องธรรมดาของวัยเจริญพันธุ์

การช่วยตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกการหลั่งช้า ช่วยรักษาโรคไม่ถึงจุดสุดยอดของผู้หญิง

ที่มา : peter

เลือกถุงยางผิดไซส์ ระวังติดเอดส์ กามโรค

Friday, June 19, 2009

ตะลึง ! เลือก “ถุงยาง” ผิดไซส์ แพทย์ชี้ติดเอดส์-กามโรค
จาก กรณีมูลนิธิเอ็นโอพี เวิลด์ หรือ สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งอังกฤษออกมาเปิดเผยรายงานการศึกษาว่ามีผู้คนจำนวน มากถึง 1 ใน 3 ที่มีประสบการณ์ถุงยางอนามัยหลุด หรือแตกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากใช้ถุงยางไม่เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศอันจะนำไปสู่ ปัญหาร้ายแรงด้านเพศสัมพันธ์ตามมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวชิ้นนี้ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ และตามเว็บไซด์ชื่อดังต่างๆ ปรากฏว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ บ้างก็บอกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยให้ความรู้ว่าต้องใส่ถุงยางอนามัย ให้เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของตนเอง รวมทั้งที่ผ่านมาเวลาซื้อก็ไม่เคยดูข้างกล่องว่าไซส์อะไร หรือ บางคนก็เกิดความวิตกกังวลเกรงว่าจะติดโรคร้ายตามานั้น

- ชายไทยควรใช้ 49 มม.

ล่าสุด วานนี้ น.พ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับ “บางกอกทูเดย์” ว่า ปัจจุบันในประเทศไทยจะมีถุงยางอนามัยขนาดมาตรฐานคือ 49 มม.และ 52 มม. ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมขนาด 49 มม.เนื่องจากมีการสำรวจมาแล้วพบว่าผู้ชายไทยส่วนใหญ่จะมีขนาดอวัยวะเพศเหมาะ สมกับถุงยางขนาดนี้มากที่สุด

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเคยมีการทำแบบสอบถามพบว่าในกลุ่มเยาวชนที่มีเพศสัมพันธ์ เร็วกกว่าปกติ ประสบปัญหาในการใช้ถุงยางอนามัยขนาด 52 มม.เนื่องจากไม่สามารถสวมใส่ได้พอดีกับอวัยวะเพศของตนเอง เนื่องจากถุงยางมีขนาดใหญ่เกินไป ในทางตรงกันข้าม กลุ่มนักท่องเที่ยวตามสถานเริงรมย์พบว่าประสบปัญหาในการใช้ถุงยางขนาด 49 มม.เนื่องจากถุงยางมีขนาดที่เล็กเกินไป ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขก็จะพยายามให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจให้ประชาชนให้มากที่สุด

“อยากแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี เพราะสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ส่วนกรณีผู้ที่ใช้แล้วถุงยางอนามัยมีการแตก หรือ หลุด ออกจากอวัยวะเพศในระหว่างมีกิจกรรมทางเพศ ผมแนะนำให้รีบเลิกทันทีเสร็จแล้วชำระล้างร่างกายให้สะอาด ซึ่งในขั้นนี้ยังไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะติดโรคเอดส์ เนื่องจากโรคเอดส์เป็นโรคที่ติดต่อกันยาก เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง”

- เลือกซื้อให้เหมาะสม

น.พ.สมบัติ ระบุด้วยว่า ถุงยางอนามัยได้แบ่งประเภทตามขนาดความกว้าง หรือ ครึ่งหนึ่งของเส้นรอบวงของถุงยางนามัย เป็น 13 ขนาด คือ 44 , 45 , 46 , 47 , 48 , 49 ,50 , 51 ,52 , 53 , 54 , 55 และ 56 มิลลิเมตร (มม.) ขนาดที่มีจำหน่ายในเมืองไทยส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 49 มม. และ 52 มม.

ทั้งนี้ ในเว็บไซด์ของกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า ปกติชายไทยจะใช้ถุงยางอนามัยขนาด 49 มม. หากเป็นชายไทยรุ่นใหม่ ขนาด 52 มม. จะเหมาะสมกว่า ส่วนการเลือกซื้อคงจะต้องซื้อในขนาดที่เคยใช้สวมใส่มาแล้ว หากมีขนาดใหญ่เกินไปจะหลวมและหลุดง่าย หากเล็กไปจะฉีกขาดได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกไม่อยากใช้และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อถุงยางอนามัย

- วอนแจกถุงยางหลายไซส์

สำหรับมูลนิธิเอ็นโอพี เวิลด์ ที่ได้ไปสำรวจประชาชนวัยผู้ใหญ่ 497 คน ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี ในอังกฤษนั้นพบว่ามีประชาชนถึง 64% ที่ไม่ทราบว่าถุงยางอนามัยขาดหรือหลุดเพราะอะไร และเกิดความผิดพลาดตรงไหน ขณะที่อีก 43% กล่าวว่าไม่กล้าพูดคุยกันเรื่องขนาดของถุงยางเพราะเป็นเรื่องน่าอายที่จะพูด ถึงขนาดของอวัยวะเพศ และ 1 ใน 4 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามไม่ทราบว่าถุงยางอนามัยนั้นมีขนาดและความยาวที่แตก ต่างกันออกไป
ด้าน นายโทนี เบลฟีลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลของเอ็นโอพี กล่าวว่า การใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สร้างความเสียหายร้าย แรงทางเพศตามมา พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐบาลที่คอยแจกถุงยางฟรีให้แก่ชาวอังกฤษแจก ถุงยางหลายขนาดมากขึ้นเพื่อที่ว่าจะได้เลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับตน

- ความล้มเหลวของ “คอนดอม”

1.การใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกวิธี เช่น คลี่ออกทั้งหมดก่อนสวมใส่ การใส่ผิดด้าน การใส่ที่ไม่เว้นส่วนติ่งไว้(คือดึงมาจนสุดไม่เหลือติ่ง) ไม่ไล่อากาศออกจากติ่งกระเปาะ ถูกเล็บหรือของมีคม การนำกลับมาใช้ใหม่หลังจากที่ใช้ไปพักหนึ่งแล้วถอดออก การไม่จับขอบตอนถอนสมอ การใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสม หลั่งแล้วแช่นานจนนกเขาหลับ การใช้ไม่ถูกวิธีเหล่านี้นำมาซึ่ง การแตก รั่ว เลื่อนหลุดของถุงยางอนามัย

2. การแตกของถุงยางอนามัย แม้ได้ใช้อย่างถูกวิธีระมัดระวังอย่างดี ก็ยังแตกได้ มีรายงานตั้งแต่ร้อยละ 1 ถึง 12 เฉลี่ยก็ร้อยละ 5 แต่ถ้าร่วมเพศทางทวารหนักจะหนักกว่านี้ จากการศึกษาพบว่าครึ่งหนึ่งจะแตกตรงส่วนปลายปิด หนึ่งในสี่แตกตรงตัวถุง และอีกหนึ่งในสี่ แตกตรงปลายเปิด แต่ที่สำคัญคือ กว่าจะรู้ว่าแตก ก็เสร็จกิจไปแล้ว ถึงสองในสามของการแตก

ที่มา : บางกอกทูเดย์

ศาสตร์แห่ง “ประตูหลัง”

Thursday, June 18, 2009

ประตูหลังเป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นประสาทมากมาย ดังนั้นจึงไวต่อการสัมผัสเป็นพิเศษ การกระตุ้นความรู้สึกของอวัยวะส่วนนี้ โดยการสอดใส่ด้วยนิ้วมือ หรือเซ็กส์ทอยรูปแบบต่างๆ จึงต้องมีกลเม็ดเคล็ดลับดังต่อไปนี้

ใช้น้ำหนักมือที่นุ่มนวล ขืนทำแรงๆก็เจ็บนะสิ...ถามได้

ต้องสำรวจตรวจของเล่นทั้งหลายว่าไม่มีพื้นผิวขรุขระ ถ้ามีควรใช้ตะไบเล็บขัดออก หรือใช้วิธีใดก็ได้ให้เรียบเนียนขึ้น

งัด กลเม็ดการนวดด้วยปลายนิ้วขึ้นมาใช้ รู้จักแบบไหนขุดมาใช้ให้หมด เช่น นวดเป็นวงกลมรอบๆประตูหลัง หรือนวดข้ามไปมาเป็นรูปกากบาท ถ้ามีนิสัยขี้เล่นหน่อยก็ลองวาดนิ้วเป็นตัวอักษรก็ได้ แปลกดีนะ

ไวเบรเตอร์ที่มีรูปร่างผอมเรียวเล็ก สามารถใช้สอดใส่เข้าไปพร้อมนิ้วมือได้ เพิ่มความเสียวขึ้นอีกหลายเท่าตัวเชียวละ

วิธี ตระเตรียมให้พื้นที่ประตูหลังพร้อมสำหรับการสอดใส่ต้องกระทำอย่างค่อยเป็น ค่อยไป คือ พยายามสอดนิ้วแรกเข้าไปแช่ไว้ก่อนสัก 1 นาที จากนั้นค่อยตามด้วยนิ้วที่สอง แล้วแช่ไว้อีก 2 นาที ไม่ใช่นึกอยากขึ้นมาก็ทิ่มพรวดเข้าไปเลย แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเล่นเสียวแล้ว มีแต่ร้องจ๊ากนะนั่น

แทนที่ จะแช่นิ้วทิ้งไว้ในช่องโดยไม่คิดทำอะไรให้เกิดผล ลองทำนิ้วขยุกขยิกเบาๆอยู่ภายใน หรือไม่ก็เข้าบ้างออกบ้าง เอาเป็นว่าแล้วแต่จะคิดค้นเองก็แล้วกัน อย่าลืมเน้นที่ความนุ่มนวลอ่อนโยนเสมอ

เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วน ประตูหลังคลายตัวและง่ายต่อการสอดใส่ จึงควรสอดใส่นิ้ว ไวเบรเตอร์หรืออุปกรณ์เซ็กส์ทอยอื่นๆในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆกดลงอย่างเบามือที่สุด

เซ็กส์ทอยที่มีไว้ใช้กับ อวัยวะส่วนใด ก็ควรจำกัดไว้แค่อวัยวะส่วนนั้น คู่ใดที่มีเซ็กส์ทอยเป็นโหลควรแยกเก็บอุปกรณ์สำหรับใช้ทางช่องคลอด และอุปกรณ์สำหรับใช้ทางประตูหลังไว้คนละกระเป๋า ไม่ควรปะปนกันเด็ดขาด ประเดี๋ยวนำมาใช้ผิดที่ละก็...ยุ่งตายเลย

Anal beads คืออุปกรณ์หนึ่งที่ใช้กับประตูหลังโดยเฉพาะ ในระหว่างที่กำลังถึงจุดสุดยอดสามารถพลิกแพลงลีลาได้ โดยการขยับขึ้นๆลงๆ หรือจะดึงออกมาแล้วค่อยสอดเข้าไปใหม่ก็ได้ ทั้งนี้และทั้งนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ต้องมีห่วงติดอยู่ตรงปลาย เพื่อกันไม่ให้ลื่นไหลเข้าไปในช่องจนมิด อาจเกิดอันตรายได้ คิดทำอะไรแผลงๆแบบนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าปกติ

การเล่น รักทางประตูหลังไม่ได้เหมาะกับทุกคน ถึงแม้ว่าจะเป็นอีกรูปแบบที่ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้ชีวิตรักบนเตียงนอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่นิยมชมชอบลีลาแหวกธรรมชาติแบบนี้ ก็อย่าฝืนใจกันเลย ลองวิธีอื่นที่สามารถเอ็นจอยด้วยกันได้ดีกว่า เพื่อความสุขร่วมกันของเราและเขาไงละ

ที่มา : peter

แบบตรวจสอบความเป็นเกย์

Wednesday, June 17, 2009

1. พิถีพิถันในการแต่งกายมากเป็นพิเศษตั้งแต่ศีรษะจดปลา ยเท้า

2. ชอบใส่เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อยืดหรือเสื้อกล้ามสีขาว เน้นกล้าม อก ไหล่ อ้างว่า ตามแฟชั่น แต่จริง ๆ อยากโชว์

3. ชอบเล่นกีฬาประเภท ฟิตเนส วอลเลย์บอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ เน้นฟิตร่างกายให้ล่ำบึก จนเมาท์กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า 80 % ของผู้ชายที่เข้าฟิตเนสจะเป็นชายไม่สนหญิง

4. บางคนมักชอบจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงมากกว่าเพื่อน ผู้ชาย

5. พูดจาไพเราะเสนาะโสตกับสาวๆ เสียเหลือเกิน เป็นสุภาพทุกกระเบียด

6. พยายามทำตัวเองให้วุ่นกับงาน เขาจ้างมาทำแปดชั่วโมง ถวายหัวให้ 20 ชั่วโมง ไม่ค่อยมีเวลาให้แฟน หรือทางบ้าน จะใช้เป็นข้ออ้างไม่แต่งงาน เพราะแต่งกับงานไปแล้ว หรือแอบหลงรักเจ้านายผู้ชายอยู่ ?

7. เป็นลูกชายคนเล็ก หรือลูกคนกลาง อยู่บ้านขี้อ้อนมาก

8. มักประกอบอาชีพ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักแสดง นักร้อง แดนเซอร์ แพทย์ หมอฟัน เภสัช และครู (อาชีพอื่น ๆ ก็มี แต่ยังไม่ค่อยเผยให้เห็น)

9. ยามว่างชอบใส่ชุดลำลองประเภท กางเกงขาสั้น เสื้อกั๊ก รองเท้าแตะแบบรัดส้น เสื้อโปโล และหมวก ทายูวี ป้องกันแสงแดดแบบขาดไม่ได้ จะตายเอา

10. ปากเล็กสีชมพู้ชมพู จมูกโด่ง คิ้วบางโค้งเป็นวงพระจันทร์ พบมากในเกย์ควีนนักแอบมืออาชีพ

11. ทำตัวคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง เช่น พูดจาเร็ว เดินเร็ว ไม่อยู่นิ่ง แอ็กทีฟ ไฮเปอร์

12. สนใจด้านภาษาศาสตร์ วรรณกรรม ศาสตร์แห่งความสวยความงาม

13. ทำตัวเป็นคนมีความลับบ่อยๆ เช่น ไม่ให้ยุ่งกับโทรศัพท์มือถือ ของฉันห้ามแตะ!

14. ห้ามถามเรื่องส่วนตัว

15. ชอบทานขนมจำพวกเบเกอรี่ เค้ก พาย ช็อกโกแลต

16. สนใจสุขภาพเป็นพิเศษ เช่น กินวิตามินเสริม ใช้เครื่องสำอางมากจำนวนเป็นพิเศษ!

17. เป็นคนอารมณ์อ่อนไหวกับบทกวี ภาพยนตร์ซึ้ง ๆ ขี้ใจน้อย

18. ใส่ตุ้มหูข้างเดียว เดินนวยนาด ทิ้งสะโพกเกินมาดชาย!

19. มักหลงเรือนร่างตัวเองเกินความจำเป็น เรียกว่าไม่ยอมแก่ว่างั้นเถอะ

20. ชอบเปิดดูนิตยสารที่มีรูปผู้ชาย ถ่ายแบบ แฟชั่น โพสท่าเซ็กซี่

21. วางท่าทางได้เท่กว่าผู้ชายทั่วไป ท่ายืนของเกย์ต้องโพสนิดนึง มือไม้นิยมซุกอยู่แถวกระเป๋ากางเกงยีนส์ สอดสี่นิ้วโผล่นิ้วโป้ง มือข้างหนึ่งสอดกระเป๋าหน้า อีกข้างสอดกระเป๋าหลัง เท่สุด ๆ

22. กิริยาท่าทาง พูดจามือไม้จะวาดตามคำพูด แม้จะเก็บแล้วก็ตาม (ก็ยังออก) หยิบจับสิ่งใด นิ้วก้อยจะยกองศาขึ้นตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว พบมากในกลุ่มเกย์สาวเช่นกัน

23. สวมแหวนที่นิ้วกลางข้างซ้าย (สัญลักษณ์ของความเข้มแข็งที่อ่อนแอ)

24. ชอบกัดเล็บ เวลาเหม่อหรือมีเรื่องกลุ้มใจ (แสดงถึงขาดความมั่นใจในตัวเอง)

25. ชอบฟัง เพลง I will survive เพลงแดนซ์ เพลงคลาสสิก เพลงโอเปร่า บรอดเวย์ มากๆ

26. เวลาคุยกับเพื่อนชายหน้าตาดีจะเขิน หน้าแดง ก็มันอาย อดไม่ได้อะ

27. เวลาเมาแล้วจะออกสาว

28. เวลาโกรธก็จะออกสาว

29. เวลาเจอเพื่อนสาวก็จะอดออกสาวไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกนี้จะเลี่ยงการเจอเพื่อนสาวเวลาไม่สะดวกแสดงตัวอะ

30. เวลาตกใจก็จะอุทานเหมือนผู้หญิง เช่น ว๊าย อุ๊ย ถ้าผู้ชายต้อง เฮ้ย ซิ ช่ายปะ

ที่มา : forward mail

12 เรื่องวิตกจริตของสมบัติชิ้นเดียว

Tuesday, June 16, 2009

เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะนำออกมาเปรียบเทียบกันได้ง่ายๆ ไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป สุภาพ บุรุษบางคนอาจคิดว่า สิ่งที่ติดตัวมาและเห็นมาเกือบตลอดชีวิต คงมีอยู่หนึ่งเดียว ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร แต่จริงๆ แล้วผิดถนัด

มีลักษณะรวมเหมือนๆ กันอยู่หลายอย่าง เช่นเดียวกับพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่อง หรือจะเรียกว่าวิธีที่สมบัติชิ้นสำคัญของผู้ชายแสดงออก อย่าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองครอบครองจะไม่เหมือนใคร เนื่องจากผู้ชายส่วนใหญ่อาจไม่เคยมีประสบการณ์ตรง หรือมีโอกาสได้อ่านบทความวิจัยเกี่ยวกับลักษณะของอวัยวะเพศชาย ว่าอะไรที่เรียกว่าปกติ อะไรเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้
เนื้อหาใน 12 เรื่องวิตกจริตของสมบัติชิ้นเดียว นี้อาจเป็นการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอวัยวะเพศชายเท่าที่สามารถเปิดเผยเป็น ตัวอักษรได้ให้ศึกษากัน

* มีโอกาสบิด - งอได้

เหมือนของเล่นพลาสติกราคาถูก สรีระของผู้ชายสร้างขึ้นจากเรือนร่างสองซีก แล้วเชื่อมเข้าหากัน ถ้าต้องการข้อพิสูจน์ ก็ให้ลองอ้าปากดู จะมีรอยตะเข็บเยอะแยะไปหมด เช่นเดียวกับบริเวณที่ถัดจากถุงอัณฑะลงไป ก็มีรอยตะเข็บ
ก่อนคนเราเกิด ร่างกายแต่ละซีกค่อยๆ เจริญเติบโตและพัฒนาด้วยอัตราที่แตกต่างกัน ผลที่เกิดขึ้นคือร่องรอยที่เราเห็นในวันนี้ อย่างเช่น การบิด-งอเล็กๆ น้อยๆ ของอวัยวะเพศชายลักษณะเช่นนี้เรียกว่า penile torsion ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่จะมีลักษณะนี้ทั้งนั้น คือบิด-งอไม่กี่องศา หรือเอียงในองศาน้อยๆ ดร.เจมส์ คัมมิ่งส์ ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินปัสสาวะ ให้ความเห็น

ปรากฏการณ์นี้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ตราบใดที่อวัยวะเพศไม่ได้บิด-งอเกิน 90 องศา ซึ่งถ้าบิด-งอเกินกว่า 90 องศา ต้องพบแพทย์แล้ว เพราะอาจมีปัญหาในการร่วมรัก การวิจัยพบด้วยว่า อาการบิด-งอ หรือ การเอียง ของอวัยวะเพศชาย มักเอียงในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา ไม่มีใครรู้ว่าทำไม

* หดตัวเมื่อเปียก

ดร.ลอเรนซ์ ลีวาย ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินปัสสาวะ กล่าวว่า ผิวหนังของอวัยวะเพศชายจะหดตัวและมีลักษณะยับย่นเป็นรอยจีบไม่น่าดู เนื่องจากเนื้อเยื่อตลอดลำอวัยวะเพศสัมผัสความเย็น ลักษณะเช่นนี้ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้เหมือนกันในกรณีที่เครียดมากๆ การดึงเบาๆ อย่างนิ่มนวล ช่วยทำให้เนื้อเยื่อส่วนนี้คลายตัว และได้ความยาวตามปกติคืนมา
* น้ำกามพุ่งออกมาขณะออกกำลังกายในท่างอหน้าท้อง (bench press)

เวลาเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องน้อย กล้ามเนื้อส่วนนี้จะไปกดกระทบลงบนต่อมลูกหมากและท่อนำน้ำกาม ซึ่งสามารถบีบรัดของเหลวส่วนหนึ่งให้เล็ดลอดออกมาจากแหล่งเก็บน้ำกาม เหมือนกับเวลาใกล้ถึงจุดสุขสุดยอด ร่างกายจะบีบให้มีของเหลวชนิดหนึ่งไหลออกมาก่อนตามท่อนำปัสสาวะนั่นเอง

วิธีหยุดอาการลักษณะนี้แบบง่ายที่สุดคือ อย่าเก็บของเหลวไว้ในแหล่งเก็บน้ำกามมากนัก พูดให้ง่ายคือ ? หลั่งให้บ่อยขึ้น ? ดร.ลีวาย กล่าว แต่ไม่ใช่ทำในห้องอาบน้ำในฟิตเนสเซ็นเตอร์แน่นอน

* ฉี่ไม่ออกในห้องน้ำสาธารณะ

ผู้ชาย 1 ใน 10 ราย ทรมานจากสิ่งที่เรียกว่า paruresis หรือการตื่นกลัวหรืออายในการปัสสาวะ คนเราเวลาเครียด กล้ามเนื้อตัวที่ควบคุมระบบการปัสสาวะจะเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ คือกลั้นปัสสาวะไว้โดยอัตโนมัติทันที
ผู้ชายบางคนที่มีอาการ paruresis อย่างรุนแรง จะปัสสาวะไม่ออกเมื่ออยู่ในห้องน้ำสาธารณะ จนเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำแล้วนั่นแหละ จึงสามารถปัสสาวะได้

ถ้าไม่สามารถเข้าไปใช้ชักโครกในห้องที่มีประตูในห้องน้ำสาธารณะได้ ลองหายใจเข้าลึกๆ นวดเฟ้นกล้ามเนื้อบริเวณท้องน้อย แล้วคลายมือออก หายใจออก ทำซ้ำไปเรื่อย แล้วค่อยหยุดเมื่อได้ยินเสียงน้ำปัสสาวะกระทบโถฉี่
สำหรับคนที่มีปัญหานี้ พอครั้งเริ่มต้นปัสสาวะได้ในห้องน้ำสาธารณะ อาการอายจากการฉี่มักหายไปเอง แต่การไปยืนนวดท้องน้อยในห้องน้ำสาธารณะ อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ เรื่องนี้ต้องระวัง

* รูดซิบแล้วแต่ยังไม่หยุด

หมายถึงปัสสาวะเสร็จแล้ว เก็บเข้าที่เรียบร้อย รูดซิบกางเกง แต่คุณรู้สึกว่ากลับยังมีปัสสาวะซึมออกมา ก็ต้องบอกว่า เคยลองสังเกตเวลานำรถไปเติมน้ำมันหรือเปล่า เมื่อครบจำนวนลิตรที่ต้องการเติมแล้ว เครื่องจ่ายน้ำมันหยุดแล้ว แต่ปรากฏว่ายังมีน้ำมันไหลออกมาอีกนิดหน่อยจากหัวปั๊ม

ท่อปัสสาวะของผู้ชายก็มีรูปแบบคล้ายหัวจ่ายน้ำมัน

กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ปิด-เปิดการปัสสาวะ อยู่ห่างจากปลายท่อปัสสาวะประมาณ 8 นิ้ว ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าปัสสาวะเสร็จแล้ว กล้ามเนื้อทำหน้าที่ปิดกลั้นกระเพาะปัสสาวะเสร็จตามกลไก จึงยังคงมีน้ำปัสสาวะส่วนหนึ่งยังค้างอยู่ในท่อปัสสาวะ

ถ้าการเขย่าสองสามครั้ง ไม่สามารถป้องกันให้กางเกงในหรือกางเกงขายาวเปรอะเปื้อนเป็นรอยด่างได้ ให้ลองใช้นิ้วมือรูดด้านล่างของท่อนำปัสสาวะ ให้ไล่น้ำปัสสาวะที่ค้างอยู่ให้ออกมาให้หมด

มีรายงานใน บริติช เจอร์นัล ออฟ ยูโรโลยี ว่าเทคนิคข้างต้นนั่นสามารถลดการซึมเปรอะของน้ำปัสสาวะที่ค้างอยู่ได้เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์

แหม ช่างวัดกันจริง

* บางทีก็สีชมพู ม่วง หรือน้ำเงิน

ผิวหนังบริเวณส่วนหัวของอวัยวะเพศชายมีลักษณะบางกว่าส่วนอื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน จึงง่ายต่อการเปลี่ยนสีตามการไหลเวียนของโลหิต

เป็นเรื่องปกติถ้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อถูกปลุกเร้าสัมผัส หรือเป็นสีม่วงคล้ำเมื่อถูกละเลย แต่ถ้ามีสีแดงเป็นจุดๆ และคันหรือปวด นี่คืออาการติดเชื้อหรือไม่ก็แพ้อะไรสักอย่าง (อาจแพ้ถุงยางอนามัยก็ได้) พบแพทย์ดีกว่า

* เล็งตรงและแฉลบซ้าย

ทำไมบางครั้งเราคิดว่าเราเล็งตรงโถปัสสาวะแล้ว แต่น้ำปัสสาวะดันแฉลบไปลงอ่างอาบน้ำได้ล่ะ? ปัญหาในเรื่องนี้อยู่ที่ ช่องเปิดที่ปลายอวัยวะเพศ (Meatus)

น้ำปัสสาวะจะไหลออกจากท่อปัสสาวะเช่นเดียวกับกระสุนปืน ถ้าบังเอิญมีเมือกแห้งๆ ที่ขับออกมาจากเยื่อบุ ขวางอยู่ น้ำปัสสาวะก็จะเบี่ยงไปจากเซ็นเตอร์ได้ง่ายมาก

เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นในตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังจากมีเซ็กซ์วิธีหลีกเลี่ยงการทำให้พื้นห้องน้ำเลอะเทอะ ลองใช้นิ้วมือแตะเบาๆ ที่ช่องเปิดก่อนปัสสาวะแต่ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ แก้ไม่หาย ไปพบผู้เชี่ยวชาญทางเดินปัสสาวะดีกว่า เพราะอาจมีอะไรมากกว่าที่จะใช้นิ้วมือช่วยได้

* เล็ดรั่วในขั้นตอนเล้าโลม

เมื่อผู้ชายถูกปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ ต่อม Cowper (อยู่ที่บริเวณส่วนโคนของอวัยวะเพศ) จะผลิตของเหลวซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการหล่อลื่นและลดความเป็นกรดภายในท่อนำ ปัสสาวะ ของเหลวนี้ถูกขับออกมาก่อน เพื่อให้น้ำกามที่จะตามมาผ่านออกไปได้โดยไม่ติดขัด

ของเหลวประเภทนี้อาจมีตัวสเปิร์มปะปนออกมาด้วยด้วยเหตุนี้การหวังว่าจะคุมกำเนิดด้วยการ ถอนออกก่อนหลั่ง จึงไม่ได้ผลเสมอไป

ยิ่งอวัยวะเพศแข็งตัวนานเท่าใด โอกาสที่จะเกิดการเล็ดรั่ว(ของเหลวที่หลั่งออกมาก่อนถึงจุดสุขสุดยอด) ก็มีมากเท่านั้น

* โค้งเหมือนกล้วยหอม

เมื่อแข็งตัว อวัยวะเพศโค้งเหมือนกล้วยหอม นี่คือเรื่องปกติ อวัยวะเพศที่ตั้งตรงค่อนข้างเป็นลักษณะที่หาได้ยาก อวัยวะเพศที่แข็งตัวแล้วโค้งประมาณ 30 องศา(หรือน้อยกว่า) มักไม่เกิดปัญหา แต่ถ้าโค้งมากกว่านี้และเกิดความเจ็บปวดเมื่อร่วมรัก คนๆ นั้นจัดอยู่ในกลุ่มผู้ชาย 2 เปอร์เซ็นต์ที่มีอาการ Peyronie ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นแผลเป็นของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการดึงรั้งจนอวัยวะเพศโค้งงอผิดปกติ อาจต้องพึ่งศัลยกรรม

* แข็งตัวโดยไม่มีเหตุผล

การแข็งตัวของอวัยวะเพศในเวลาที่ไม่ต้องการ เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ในยามที่มีการปลุกเร้าทางเพศโดยบังเอิญ เช่น การสั่นสะเทือน (นั่งรถประจำทาง) เป็นเรื่องปกติของคนที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น

วิธีแก้ไขคือ หาอะไรบังไว้และรอ อย่าพยายามบังคับหรือใช้วิธีการรุนแรงทำให้การแข็งตัวนั้นหายไป เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการบอบช้ำภายในส่วนที่เป็นแกนของอวัยวะเพศ ซึ่งส่งผลเสียต่อการแข็งตัวในอนาคต อาการแข็งตัวโดยไม่มีเหตุผลนี้จะหายไปเองเมื่ออายุขึ้นเลข 3

* มีเพียง 1 ใน 40,000 ราย ที่กลายเป็นหิน

หนึ่งในสี่หมื่นรายที่กลายเป็นหิน หมายถึงอวัยวะเพศเกิดการแข็งตัวนานมากกว่าสองชั่วโมงติดต่อกัน (มันไม่ยอมสงบตัวลงแม้ไม่ถูกปลุกเร้าราวกับกลายเป็นหินไปเลย) แพทย์อธิบายว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการปิดล็อกบางอย่างภายในอวัยวะเพศ อย่าคิดว่าเป็นผลดี เพราะสามารถเป็นเหตุให้ไร้สมรรถภาพทางเพศได้

เคยมีรายงานว่า ชายชาวอังกฤษวัย 50 ปี คนหนึ่งถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลรอยัล โบลตัน เนื่องจากอวัยวะเพศแข็งตัวต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง เพราะเขาเจาะแล้วเสียบอะไรบางอย่างไว้ในถุงอัณฑะ เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะเพศแข็งตัว เขาจบลงด้วยการถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน

* มีโอกาสติดอยู่ในนั้นหรือไม่

มีเรื่องเล่านับไม่ถ้วนเกี่ยวกับสามีที่ไม่สามารถนำอวัยวะของตน เองออกมาจากภรรยาได้หลังการร่วมรัก วารสารบริติช เมดิคอล ที่ตีพิมพ์ในปีค.ศ.1980 เคยรวบรวมเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่แพทย์ในปีค.ศ.1947 บอกว่าเคยเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีข้อพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง

ถ้าช่องคลอดเกิดการเกร็งตัวอย่างรุนแรงขณะถึงจุดสุขสุดยอด คนที่จะรู้สึกเจ็บปวดก็คือฝ่ายหญิงเอง ที่ผู้ชายรู้สึกคือ ถูกบีบรัดอย่างอ่อนๆ เท่านั้น ไม่มีทางติดอยู่ในนั้นแน่นอน อย่าวิตกไปเลย

ที่มา : peter

ถุงยางบอกนิสัย

Monday, June 15, 2009

1.แบบมาตรฐาน เคลือบสาร ฆ่าเชื้อ... เยี่ยม !

เขาเป็นแบบฉบับของชายหนุ่มสุดเนี้ยบ ไม่ว่าจะการแต่งกายเสื้อผ้าต้องสะอาดสะอ้านฉีดน้ำหอม ดูสะอาดสะอ้านทั้งตัว เรียกได้ว่าเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะรุ่นเนี้ย

2.หลายสี หลายกลิ่นในกล่องเดียว...ว้าว !

เขาน่ะเป็นคนเปิดเผยซะไม่มี เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ชอบเซ็กซ์ที่สนุกสนานไม่จำเจเหมือนกับสนุกกับการเปลี่ยนรสชาติไปทุกวัน ๆ และที่สำคัญเขาชอบออรัลเซ็กซ์

3.ผิวไม่เรียบ เคลือบสารฆ่าเชื้อ

เขาเป็นต้นแบบของชายหนุ่มขี้เล่น ช่างพลิกแพลงในเรื่องเซ็กซ์ ที่สำคัญสาวในฝันของเขาคือ สาวน้อยขี้เล่นและพร้อมที่จะลุยไปกับเขาทุก หนทุกแห่ง

4.ผิวบางกว่ามาตรฐาน 15%

เขาเป็นชายหนุ่มขี้เหงา ชอบมีเพื่อนเยอะ ๆ มักให้ความสำคัญกับสังคมและเพื่อนฝูงไม่ชอบไปไหนคนเดียว เพราะฉะนั้นคุณจะต้องให้ความอบอุ่นแก่เขาเป็นพิเศษ รับรองไม่หลุดมือแน่ ๆ

5.รสสตรอเบอรี่

เขาเป็นผู้ชายที่ไม่สำคัญตัวเองว่าเด่นกว่าใคร ถ้าเมื่อใดก็ตามที่คุณอยู่กับเขา คุณจะรู้สึกสบายใจสุด ๆ เพราะเขาเป็นคนอารมณ์เย็น พูดน้อย แต่ลึกซึ้ง อ่อนโยนและน่ารัก ชายหนุ่มของใครเป็นแบบนี้ละก็ น่าอิจฉาสุด ๆ เลย

6.รสทุเรียน

เขาเป็นชายหนุ่มที่รักธรรมชาติ อบอุ่น ดูแล สาว ๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเขาเป็นคนอ่อนโยน และโรแมนติกสุด ๆ จนคุณแทบจะละลายได้เลย

7.รสช็อกโกแลต

เขาเป็นหนุ่มที่ค่อนข้างเก่งในเรื่องเทคแคร์ ผู้หญิง แต่เป็นคนเจ้าชู้พอตัวเชียวล่ะ เพราะถ้าไม่เจ้าชู้คงไม่รู้ซึ้งถึงความต้องการของผู้หญิงจริงมั้ย ผลการวิเคราะห์จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ก็บอกว่าช็อกโกแลตน่ะถ้ากินแล้ว สามารถผ่อนคลายความตึง เครียด อารมณ์เบิกบานได้ ก็แสดงว่าหนุ่มคนไหน ที่ชอบถุงยางรสนี้ก็ต้องเป็นคนอารมณ์ขัน ช่างเอาอกเอาใจเป็นที่สุด

8.รุ่นสียีนส์ สีสะท้อนแสง หรือสีสันแปลก ๆ

เขาเป็นแบบฉบับของชายอิสระ สบาย ๆ ไร้กฎเกณฑ์ เขาชอบใช้ชีวิตง่าย ๆ ไม่เคร่งกติกา บางครั้งก็มีอารมณ์ติสสุด ๆ แบบหนุ่มศิลปินที่ชอบทำงานตามอารมณ์ ไม่ชอบทำงานโดยมีข้อบังหคับหรือถูกจำกัดด้วยเวลา

9.รุ่นไซซ์ใหญ่พิเศษ

เขาคือชายแข็งแกร่ง ติดดิน เขาชอบการบุกป่า ฝ่าดง อาจจะแข็ง ๆ ห้าว ๆ ไปบ้าง แต่ก็จริงใจเป็นที่หนึ่งนะ จะบอกให้

เอาล่ะ ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของสาว ๆ แล้ว ที่ต้องทำหน้าที่สังเกตกันเอาเองว่าเขามีรสนิยมการใช้ถุงยางอนามัยแบบไหน ที่เขาเลือกใช้ อ๊ะ! แต่ว่าถ้าเกิดเขาไม่เคยใช้ล่ะ สาว ๆ ก็ลองชี้ชวน ล่อลวง ให้เขาซื้อใช้ดูละกัน จะได้รู้ว่าเขาน่ะเป็นหนุ่มแบบดุเด็ดเผ็ดมัน หรือชวนฝันขนาดไหน

*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*++*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

ทีนี้ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของสีที่ชอบกับพฤติกรรมทางเพศกันบ้าง

ลองหลับตานึกถึงสีที่ชอบสักสี แล้วเราจะพาไปค้นหาคำตอบว่า คุณมีพฤติกรรมทางเพศอย่างไร สีแดง, สีส้ม, สีเหลือง,สีเขียว, สี ชมพู, สีฟ้า-น้ำเงิน, สีน้ำตาล, สีขาว, สีดำ

- สีแดง

เป็นคนที่พร้อมต่อการปลุกเร้าอารมณ์ให้ลุกโชนตลอดเวลา เร่าร้อนสนุกสนานกับการมีเซ็กซ์ได้แบบไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย และยากที่จะทำให้สงบลงได้จนกว่าจะหมดแรงคาเตียง !!

- สีส้ม

เป็นพวกที่ชอบให้มีเซ็กซ์เหมือนที่จินตนาการไว้ ดังนั้นจึงเป็นคนที่ถนัดด้านการเล้าโลม มองว่ามันเป็นการแสดง (ตามจินตนาการ) ที่ต้องทุ่มเทไม่ซีเรียสว่าจะต้องไปถึงสวรรค์หรือไม่ มักน้อยเสียเหลือเกิน

- สีเหลือง

อย่าเพิ่งตกใจ เพราะผลการวิจัยชี้ว่าคนที่ชอบสีนี้มักมีแนวโน้มนิยมไม้ป่าเดียวกันลีลาจะเป็นสไตล์ขี้เกรงใจคู่รักเป็นที่สุด ปฏิเสธไม่ค่อยเป็น เธอว่าไงฉันว่าด้วย จึงมักจะเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่ารุก

- สีเขียว
ไร้เดียงสาตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ หากเป็นผู้ชายก็เป็นสไตล์ที่ค่อนข้างงุ่มง่าม เงอะงะ ประหม่าอยู่เป็นประจำ
ทั้งที่บุคลิกภายนอกอาจจะทำให้สาว ๆ กรี๊ดเลยทีเดียวคนประเภทนี้คบเป็นเพื่อนจะดีกว่านะ

- สีชมพู

เป็นคนประเภทชอบยั่วยวนให้อยากแล้วจากไป ไม่จริงใจเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าแต่ ลึก ๆ ในใจแล้วคือลังเลที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครแต่ถ้าเป็นผู้ชายชอบสีนี้ล่ะก็ตะครุบเขาไว้ให้ดี...คนนี้ล่ะตัวจริง

- สีฟ้า , น้ำเงิน

ช่างจินตนาการ พร้อมจะเข้าอกเข้าใจความต้องการของอีกฝ่ายถ้าเป็นผู้ชายจะมีเซ็กซ์ที่นุ่มนวล ทะนุถนอมคู่ของเขา หากเป็นผู้หญิงจะจัดว่าเป็นคนมีลีลาสนุกสนาน เริงร่ายามมีเพศสัมพันธ์

- สีน้ำตาล
ใครชอบสีนี้ วางใจได้เลยว่าจะทำให้คู่รักหลงใหลได้ไม่ยากด้วยลีลาที่แม้ไม่ดุดัน แต่ก็สร้างความตื่นตัว
ให้ตลอดไม่ว่าจะขยับตัวในท่วงท่าใดความเชี่ยวชาญเช่นนี้จะทำให้คุณทั้งคู่ถึงจุดอิ่มเอมได้อย่างสมบูรณ์

- สีขาว

สีที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องที่รับฟังตรง ๆ ไม่ค่อยได้ น่าอายเวลาจะมีเซ็กซ์ต้องขัดสีฉวีวรรณเนื้อตัวให้สะอาด จะยอมเปลือยกายก็ต่อเมื่อมีผ้าคลุมไว้เท่านั้น แถมยังไม่ยอมเล่นแผลง ๆ เวลามีเซ็กซ์

- สีดำ

ด้วยความที่เป็นสีที่เหมือนซ่อนอำพรางอะไรไว้ในนั้น จึงถูกตีความว่าคนที่ชอบสีดำมักนิยมเซ็กซ์ในด้านมืด คือรุนแรง กระแทกกระทั้นจะจริงหรือไม่นั้น พิสูจน์กันเอาเองก็แล้วกัน

ที่มา : peter

เคล็ดลับคงความเป็นหนุ่ม

Sunday, June 14, 2009

“คงความเป็นหนุ่มตลอดไป คงความสดใสตลอดกาล” เป็นสิ่งที่เป็นไปได้แล้วในยุคนี้ที่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก้าวหน้าจนถึง ขั้นที่จะชะลอความชราหรือคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ชีวิตโดยอาศัยวิทยาศาสตร์ และศิลปะแห่งการดำเนินชีวิตที่ประสานสอดคล้องกับธรรมชาติ
ผู้ชาย, อ่อนเยาว์, อ่อนกว่าวัย, นพพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์, MEN’S HEALTH CLINIC, ฮอร์โมน
ไม่ใช่ความฟุ้งเฟ้ออีกต่อไปที่คนเราจะมีอายุยืนถึง 120 ปี โดยที่ยังคงมีสุขภาพดี และจากโลกนี้ไปอย่างมีความสุข
ไม่ใช่เรื่องโกหกพกลมหรือโฆษณาชวนเชื่อที่ชายหนุ่มอายุ 90 ปียังคงสามารถที่จะร่วมรักอย่างสุขสมและทำให้คู่รักไปถึงจุดสุดยอดได้ครั้ง แล้วครั้งเล่าจนใครต่อใครต้องมาขอเคล็ดลับในการคงความเป็นหนุ่มที่เพียบ พร้อมไปด้วยสมรรถนะแห่งความเป็นชายของเขา

ไม่ใช่เรื่องที่ ไกลเกินเอื้อมหรือมีแต่ในความฝันและนวนิยายแต่เป็นความฝันที่เป็นจริงที่ ผู้ชายจะสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตและพลังเซ็กซ์ ที่เหลือเฟือพร้อมที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความสุขให้กับคนใกล้ชิด
ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น???... คำตอบนั้นง่ายมากเลย เพราะในปัจจุบันศาสตร์และศิลป์ของการจะคงความเป็นหนุ่มตลอดไปเพื่อที่จะคงความสดใสตลอดกาลนั้น สามารถ เป็นไปได้ด้วยความร่วมมือระหว่างผู้ที่ต้องการคงความเป็นหนุ่มกับสถาบันหรือ หน่วยงานที่ดูแลสุขภาพที่มีชื่อว่า “MEN’S HEALTH CLINIC” ซึ่งมีมากหลายทั่วโลกในขณะนี้ เพียงแต่ก่อนที่จะไปรับการปรึกษาควรจะต้องสอบถามให้แน่ใจก่อนว่าเป็นของจริง ไม่ใช่ของเลียนแบบ เนื่องจากเป็นความจริงในโลกนี้เช่นกันว่าอะไรที่ดีนั้นก็มักจะมีคนเลียนแบบ เป็นธรรมดาใช่ไหมคุณ

เอาเป็นว่าจะเขียนเรื่องของศาสตร์และศิลป์ของการจะคงความเป็นหนุ่มให้อ่านกันไว้ประดับความรู้และอาจจะเป็นประโยชน์ในยามจำเป็น

เริ่มจาก การรักษาความสมดุลของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย...
เป็นที่ทราบดีว่าในร่างกายของมนุษย์เรานั้นมีฮอร์โมนหลายชนิดที่ควบคุมการทำ งานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของฮอร์โมนต่างๆ เหล่านี้ก็จะลดปริมาณการผลิตลงจนไม่สามารถที่จะต้านความเสื่อมชราก่อนวัยที่ เกิดจากสิ่งแวดล้อม และการดำเนินชีวิตประจำวันได้ ถ้าสามารถที่จะหาวิธีการทำให้ฮอร์โมนต่างๆ เหล่านี้เกิดความสมดุลในระดับที่เป็นหนุ่มได้ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการกิน นอน ออกกำลังกาย ฯลฯ หรือการเสริมฮฮร์โมนที่บกพร่องด้วยการให้ฮอร์โมนที่มีโครงสร้างเช่นเดียวกับ ฮอร์โมนธรรมชาติที่ผลิตโดยร่างกายที่เรียกกันว่า BIOIDENTICAL HORMONE ก็ตาม

มารู้จักฮอร์โมนที่ควบคุมความเป็นหนุ่มและความมีชีวิตชีวาที่สดใส ซึ่งเรียกว่า VITALITY HORMONE กันดูจะดีไหม...
ฮอร์โมนที่เป็น VITALITY HORMONE ที่จะช่วยคงความเป็นหนุ่มไว้ให้นานเท่านานถ้ามีอยู่ในระดับที่พอเพียงที่มี ความสำคัญได้แก่ ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่เรียกว่า “GROWTH HORMONE” ฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลที่เรียกว่า “เมลาโทนิน” ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ได้แก่ “FREE T3 และ FREE T4” ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตที่เรียกว่า “DHEA-S” และฮอร์โมนจากลูกอัณฑะที่เรียกว่า “เทสโทสเตอโรน”

ที่จริงผู้ชายยังมีฮอร์โมนตัวอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็น FSH , LH , PROLACTIN , ESTRADIOL , PROGESTERONE เพียงแต่มีความสำคัญน้อยกว่าฮอร์โมนในกลุ่มแรกเท่านั้นเอง แต่ก็ยังคงจะต้องอยู่ในระดับที่สมดุลจึงจะสามารถคงสภาพความเป็นหนุ่มไว้ได้ ยาวนาน

ถ้าจะถามว่าแล้วฮอร์โมนมากมายที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมันไปทำอะไรจึงสามารถที่ จะคงสภาพความเป็นหนุ่มและรักษาสมรรถภาพทางเพศที่ยอดเยี่ยมไว้ได้ยาวนาน คำตอบเบื้องต้นจะต้องบอกว่าฮอร์โมนทุกตัวทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่มีตัวใดตัว หนึ่งทำตัวเป็นวีรบุรุษแต่เพียงตัวเดียว การทำงานร่วมกันของฮอร์โมนเหล่านี้ก็ย่อมจะต้องมีหัวหน้าทีมและผู้ร่วมทีม เป็นธรรมดา

ฮอร์โมนที่เปรียบเสมือนหัวหน้าทีม ที่จะทำงานต่อต้านความเสื่อมชรา และคงสภาพความเป็นหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยพลังแห่งความเป็นชายนั้นได้แก่ GROWTH HORMONE (อ่านว่า โกร๊ธ ฮอร์โมน) เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมองในตอนกลางคืนขณะนอนหลับสนิทในความมืดเสีย เป็นส่วนใหญ่ ใครที่ชอบนอนดึกตื่นสายและเปิดไฟนอนจึงมีการผลิตฮอร์โมนตัวนี้น้อยลงเป็น ธรรมดา

ผู้ชายที่มีฮอร์โมน GROWTH HORMONE ในระดับสูงหรืออยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทรงพลัง มีไขมันตามตัวน้อยไม่มีอาการลงพุงหรืออ้วนตรงกลาง ความคิดอ่านปราดเปรียวว่องไวตัดสินใจได้แน่นอนและแน่วแน่สมกับเป็นผู้นำ มองโลกในแง่ดีอารมณ์แจ่มใสไม่ค่อยหงุดหงิดง่าย ทนต่อความเครียดได้ดีมีความสามารถในการเล่นกีฬาและออกกำลังกายในระดับแนว หน้า และที่สำคัญก็คือจะช่วยเสริมส่งการทำงานของต่อมไร้ท่ออื่นๆ ที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน VITALITY HORMONE ตัวอื่นๆ

...เรียกว่า ทำงานคุ้มค่า สมกับเป็นผู้นำโดยแท้???

ฮอร์โมนตัวต่อมาคือ DHEA-S ซึ่งมีคำเต็มๆ ว่า DEHYDROEPIANDROSTERONE SULPHATE เป็นฮอร์โมนที่ผลิตมาจากต่อมหมวกไต หรือ ADRENAL GLAND เป็นต่อมเล็กๆ อยู่เหนือไตทั้งสองข้างจึงมีชื่อเรียกในภาษาไทยว่า ต่อมหมวกไต ฮอร์โมนที่ผลิตมาจากต่อมหมวกไตที่มีชื่อว่า DHEA-S นี้ มีคุณสมบัติหลายประการ

อันดับแรกทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูล อิสระหรือ ANTIOXIDANT ทำหน้าที่ป้องกันความเสื่อมชราที่เกิดจากการใช้พลังงานของร่างกายในการดำรง ชีวิตประจำวัน เป็นการต่อต้านความเครียดจากการทำงานไม่ว่าจะเป็นการใช้แรงงานทำงานหนักหรือ การใช้สมองที่เคร่งเครียดก็ตาม

หน้าที่ต่อมา ก็คือ ฮอร์โมน DHEA-S จะเปรียบเสมือนสาวเริ่มต้นในกระบวนการผลิตฮอร์โมนตัวอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงคงความเป็นหนุ่มและมีสมรรถนะทางเพศที่เหลือเฟือ คือ ในเซลล์เนื้อเยื่อของร่างกายนั้น ฮอร์โมน DHEA-S จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยเอ็นไซม์หรือสารย่อยสลายภายในเซลล์เนื้อเยื่อให้เป็น ฮอร์โมนเพศชายตัวที่มีฤทธิ์สูงที่สุดคือ DHT หรือ DIHYDROTESTOSTERONE ที่จะช่วยละลายไขมันในร่างกายและในกระแสโลหิต ทำให้การไหลเวียนของเลือดดี รวมทั้งมีคุณสมบัติของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่จะกล่าวต่อไปแต่ DHT จะมีสมรรถนะในการออกฤทธิ์สูงกว่าฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนถึง 20 เท่าเลยทีเดียว

จึงอาจจะกล่าวได้ว่า ฮอร์โมน DHEA-S ทำหน้าที่เหมือนรองหัวหน้าทีมในการคงสภาพความเป็นหนุ่มให้ยืนยาวก็ว่าได้!!!

ผู้ชาย, อ่อนเยาว์, อ่อนกว่าวัย, นพพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์, MEN’S HEALTH CLINIC, ฮอร์โมนฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อมาคงจะหนีไม่พ้นฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชายตามธรรมชาติ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนธรรมชาตินี้จะผลิตจากลูกอัณฑะในขณะที่นอนหลับสนิทในความมืดตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป และจะมีระดับสูงสุดในช่วงเวลาประมาณ 6-8 นาฬิกาตอนเช้า พูดง่ายๆ ก็คือระดับฮอร์โมนแห่งความเป็นชายจะสูงสุดตอนตื่นนอนตอนเช้าเสมอ ใครที่อยากฟิตอยากอายุยืนอยากมีฮอร์โมนเพศชายในระดับสูงๆ จะต้องนอนหลับสนิทก่อนเที่ยงคืนในความมืดเท่านั้น ไม่มีการต่อรองตกลงใดๆ ทั้งสิ้น???

ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโร นเป็นฮอร์โมนแห่งพละกำลัง ทำให้กล้ามเนื้อขยายตัวและมีกำลัง ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกายทุกส่วน ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนในระดับสูงๆ จะมีรูปร่างสมส่วนสมชายชาตรีไม่อ้วนลงพุงเด็ดขาด

นอกจากนี้ฮอร์โมน เทสโทสเตอโรนยังป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต หรือหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะทำให้ผนังเส้นเลือดยืดหยุ่นและละลายไขมันในเลือด การไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ จึงมีพลังและมีประสิทธิภาพสูง
แน่ นอนการไหลไปอวัยวะเพศชายย่อมจะดีด้วย ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงจะไม่มีไขมันไปอุดตันตามเนื้อเยื่อที่มีลักษณะ เหมือนฟองน้ำที่เป็นโครงสร้างของอวัยวะเพศชายทำให้มีเลือดไปคั่งได้เพิ่ม ขึ้น อวัยวะเพศชายจึงสามารถขยายขนาดแข็งตัวได้เต็มที่แบบสุดๆ และไม่อ่อนตัวกลางครัน แล้วจะเอาอะไรมากกว่านี้จริงไหม??

ฮฮร์โมนจากต่อมไทรอยด์ไม่ว่าจะเป็น FREE T3 หรือ T4 จะทำหน้าที่ช่วยในการเผาผลาญอาหารให้กลายเป็นพลังงานใช้ในชีวิตประจำวัน ป้องกันการเกิดไขมันส่วนเกิน ช่วยให้ผมดกดำเป็นเงางาม คงสภาพความเป็นหนุ่มไว้ได้ดี

คงจะต้องกล่าวถึงฮอร์โมนที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าตัวอื่น เพราะเป็นฮอร์โมน ที่ช่วยทำให้การนอนหลับมีคุณภาพ หลับสนิทจนต่อมต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถผลิตฮอร์โมนออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ และฮอร์โมนตัวนี้เป็นฮอร์โมนที่ผลิตมาจากต่อมไพเนียลในสมองมีชื่อว่า... ฮอร์โมนเมลาโทนิน

ฮอร์โมนเมลาโทนินจะเริ่มผลิต เมื่อสายตากระทบกับความมืดของยามค่ำคืน แสงสว่างในยามค่ำคืนจึงไม่ควรจะเป็นแสงสีขาวแต่ควรจะมีสีเหมือนแสงจาก ตะเกียง เมื่อมีระดับฮอร์โมนเมลาโทนินดีจะหลับสนิทปล่อยให้กระบวนการผลิต VITALITY HORMONE ทำงานเต็มที่ ขณะเดียวกันฮอร์โมนเมลาโทนินก็จะทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่แรง ฤทธิ์ที่สุดในร่างกายทำการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย คนที่นอนหลับสนิทยามค่ำคืนจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นและสดใสกว่าวัย เสมอ

ทั้งหมดนั้นเป็นบทเริ่มต้นของการคงความเป็นหนุ่ม!!!
ที่จะเขียนต่อให้อ่านต่อเนื่องกันไป ซึ่งจะหาอ่านได้จากที่นี่ที่เดียวไม่เขียนให้ที่อื่น ใครที่อยากเป็นหนุ่มตลอดกาลคงจะต้องติดตามตอนต่อไป

ที่มา : The sex file

เกย์ไทยใช้สารหล่อลื่นไม่เป็น

Saturday, June 13, 2009

ขึ้นต้นแบบนี้ บรรดาสมาชิกชาวเกย์น้อยใหญ่คงจะออกมาปฏิเสธกันจ้าละหวั่นว่าไม่ จริ๊ง...ไม่จริง... เพราะเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศ สัมพันธ์ที่คร่าชีวิตประชาชนโลกมากที่สุด นั่นก็คือ โรคเอดส์

แต่เมื่อพิจารณาข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องจริง เพราะมีรายงานว่า เกย์ไทยนั้นขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้สารหล่อลื่นคิดเป็นเปอร์เ ซนต์ที่ค่อนข้างสูง

นิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์โดยรวมเกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์นั้น ปัญหาใหญ่ที่สุดมาจากเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช้ถุงยางอนา มัย และผู้ที่ก่อให้เกิดปัญหานี้คือผู้ชาย ทั้งนี้ กลุ่มที่จะต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะ "กลุ่มเกย์" ที่เป็นได้ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ และใช้วิธีมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

จากการศึกษาของ "ปิยะตา คุณาวรารักษ์" แห่งศูนย์ควบคุมโรคเขต 10 จ.เชียงใหม่และคณะ พบพฤติกรรมของกลุ่มเกย์เหล่านี้น่าเป็นห่วงมาก กล่าวคือ พบว่า

มีชายที่ขายบริการทางเพศร้อยละ 20 ไม่รู้จักการใช้สารหล่อลื่นเลย

มีเคยใช้บ้างเป็นบางครั้งร้อยละ 79

โดยร้อยละ 70 จะใช้สารหล่อลื่นขณะมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

ซึ่งในบรรดาสารหล่อลื่นที่ใช้จัดอยู่ในกลุ่มพวก "เค-วาย เยลลี่" ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเพียงร้อยละ 33

ที่เหลือใช้สารหล่อลื่นอย่างอื่นแทน ได้แก่

- น้ำลายร้อยละ 63
- น้ำเปล่าร้อยละ 6
- และยังมีการใช้โลชั่นทาผิวร้อยละ 55
- ใช้น้ำสบู่ร้อยละ 27
- ใช้วาสลีนร้อยละ 21
- แชมพูและน้ำมันอีกร้อยละ 21

สำหรับสารหล่อลื่นที่ไม่ใช่เค-วายนี้จะเสี่ยงต่อการเสียดสี ทำให้ถุงยางอนามัยแตกง่าย โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้บริการประเภท "เสือใบ" คือได้ทั้งแบบหญิงและแบบชาย จะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเอดส์สูงกว่าผู้ให้บริการอย่างเดียวถึง 7 เท่าตัว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องใส่ใจและให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นแล้ว สถานการณ์โรคเอดส์ของไทยที่ดีวันดีคืน อาจจะกลับเข้าสู่ขั้นวิกฤติอีกก็เป็นได้

ที่มา : กูซ่าดอทคอม

ประชาเกย์เพิ่ม บริการกลับลด

Friday, June 12, 2009

ประชาเกย์เพิ่ม แต่บาร์เกย์โดยเฉพาะผู้ชายขายบริการกลับลดลง คนวงในชี้เดี๋ยวนี้คนใช้บริการมีแต่พวกไฮโซ คนมีชื่อเสียง ข้าราชการ นักการเมือง และคนวงการบันเทิง

ส่วนเกย์รุ่นใหม่ไม่นิยมซื้อบริการ ชี้เป็นพวกสิ้นคิด เพราะมีที่ให้พบเจอและทำความรู้จักกันเยอะอยู่แล้วสมัยนี้ การขายบริการทางเพศยังคงเป็นอีกหนึ่งมุมมืดของสังคมไทย ซึ่งทั่วไปตามย่านสถานบันเทิงอาจจะเห็นสถานบริการที่มีหญิงสาวไว้คอยบริการผู้ชาย

แต่กับสถานที่เฉพาะซึ่งมีผู้ชายไว้บริการชายด้วยกันที่นิยมแบบรักร่วมเพศอาจจะพบเห็นได้น้อย แต่คนในวงการก็จะรู้ๆ กันอยู่

และจากการที่สังคมเกย์ออกมามีบทบาทต่อสังคมมากขึ้น มีการเปิดเผยตัวเองมากขึ้น เรื่องนี้เกี่ยวกับการบริการทางเพศสำหรับเกย์จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนพูด ถึงกันพอสมควรว่าเมื่อมีเกย์มาก สถานที่แบบนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

แต่สำหรับประเด็นนี้แหล่งข่าววงในซึ่งเป็นเกย์ และมีชื่อเสียงในหมู่เกย์ด้วยกัน ได้ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยเผยว่าการขายบริการทางเพศสำหรับเกย์นั้น ปัจจุบันลดลงไปมากแล้ว

"ยอมรับสมัยนี้ก็ยังมีอยู่ พวกบาร์อ๊อฟ (บาร์ผู้ชาย มีผู้ชายใส่กางเกงในเต้นโชว์ และสามารถซื้อบริการได้) หรือบาร์เกย์ แต่ถ้าถามถึงธุรกิจการซื้อขายบริการนั้น จากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับวงการนี้เป็นสิบปี เปรียบเทียบได้เลยว่าลดลงมากกว่าแต่ก่อน

ทั้งนี้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เกย์เค้าเปิดตัวกันมากขึ้น เกย์รุ่นใหม่ก็จะอยู่กันเป็นคู่ ไม่ต้องไปเรียกร้องซื้อบริการ และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ มีสถานที่สำหรับเกย์เพิ่มมากขึ้น อย่างผับ ดิสโก้ ซาวน่า ฟิตเนส

ซึ่งเป็นของชาวเกย์โดยเฉพาะ ก็จะเป็นที่รวมกลุ่มกัน ทำความรู้จักกัน เกย์รุ่นใหม่ก็จะเลิกซื้อบริการกันแล้ว จะมีก็พวกเกย์แก่ๆ บ้างที่ยังใช้บริการอยู่ แต่ก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด" แหล่งข่าวกล่าว

ด้าน นายนที ธีระโรจนพงษ์ หัวหน้ากลุ่มเกย์การเมือง กล่าวย้ำถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันแต่ละปีจะมีคนที่เป็นเกย์ออกมาเปิดเผยมากขึ้น ช่วง หลังๆ นี้เฉลี่ยแล้วปีละประมาณ 10% แต่สถานบริการทางเพศสำหรับเกย์กลับน้อยลง มีหลายที่ที่ปิดไป ลดลงกว่า 10% ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลดลงเรื่อยๆ

สาเหตุน่าจะมาจากเกย์สมัยใหม่มีความคิดมากขึ้น มีที่ให้พบปะกันมากขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกัน ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องเรื่องนี้ ผับสำหรับชาวเกย์ก็มี ไหนจะซาวน่า ชาวเกย์ก็มีโอกาสได้เจอกัน ได้รู้จักกัน

ธุรกิจนี้ก็จึงซบเซาลง ลดน้อยลง และเชื่อว่าในอนาคตจะลดลงจนอาจจะหมดไปเลย มันสวนทางกันกับสังคมเกย์ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาในทางที่ดีขึ้น สมัยนี้เกย์คนไหนเที่ยวซื้อบริการ เค้าเรียกว่าพวกสิ้นคิด คือไม่มีใครสนใจแล้ว ไปให้พวกผู้ชายหลอกเอาเงิน

"พวกเกย์ที่ยังเที่ยวชายขายบริการอยู่ สมัยนี้เหลือแต่พวกคนมีชื่อเสียง พวกไฮโซ พนักงานใหญ่โต ข้าราชการ นักการเมือง คนมีชื่อเสียงในสังคม และที่สำคัญพวกดารา นักร้อง คนในวงการบันเทิงทั้งหลาย พวกนี้จะยังซื้อบริการ

เพราะต้องการปกปิด โดยวิธีการก็ยังคล้ายในรูปแบบเดิม โทร.สั่งกับทางร้านให้จัดเด็กส่งไปให้บ้าง หรือว่าให้ใครมาแทน"

เรื่องนี้ยังได้รับการยืนยันจากนาย ต. (นามสมมุติ) เกย์หนุ่มซึ่งเคยทำงานเต้นอะโกโก้ และเคยขายบริการที่ร้านย่านสีลมว่า เดี๋ยวนี้ลดน้อยลงจริงๆ เพราะเกย์ส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวกันจะไม่มากันแล้ว เค้าก็จะไปเที่ยวตามผับแทน

เดี๋ยวนี้มีผับเกย์มาก แล้วก็ไปเจอพบปะกัน และก็ได้เป็นแฟนกัน ชาวเกย์ทำความรู้จักกันง่ายกว่าชายหญิง หันมาทำงานกันอย่างเปิดเผย ใช้ ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องมาหาที่ปลดปล่อยเหมือนเมื่อก่อนที่คนยังปกปิดกันอยู่ และเมื่อคนไม่เที่ยวกัน คนที่ขายบริการก็ต้องเลิกทำงาน

แต่ก็อาจจะยังมีรับเป็นครั้งคราวบ้าง ทำให้พวกผู้ชายขายบริการลดลง และส่วนตัวก็มองว่าทำให้ภาพพจน์ของกลุ่มเกย์ดีขึ้นด้วย.

ที่มา : ไทยจีฮาวดอทคอม

30 ข้อดี ของเพื่อนเกย์

Thursday, June 11, 2009

ไม่น่าแปลกใจที่พบว่า ผู้หญิง หลายคนในปัจจุบัน สบายใจที่จะคบ เพื่อนสนิท เป็น เกย์ มากกว่าจะไว้วางใจเพื่อนเพศเดียวกัน จากการสำรวจสอบถามสาวๆ หลายคนทั้งในและนอกวงการบันเทิง เราได้ฟังเรื่องราวและประสบการณ์มากมายที่พวกเธอได้รับจากหนุ่มคนสนิท บางคู่เริ่มต้นจากการเป็นแฟน แล้วเปลี่ยนมาเป็นเฟรนด์ ในขณะที่บางคู่เจอปุ๊บก็สนิทปั๊บ ราวกับจิ๊กซอว์ที่เข้าล็อก และนี่คือ 30 เหตุผลที่น่าสนใจในการมีเกย์เป็นเพื่อนสนิท

1. รับสิทธิประโยชน์แบบทูอินวัน เพราะเขามีทั้งความเข้มแข็งในแบบผู้ชาย และความอ่อนโยนในแบบผู้หญิง

2. เกย์เรดาร์ของเขาช่วยป้องกันคุณจากการถูกหนุ่มแอ๊บแมนหลอกให้คบหา

3. เขาจะไม่แย่งคุณซื้อชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ราคาเซลส์แสนถูกในวันลดครึ่งราคา

4. เขาจะไม่โกหกว่าคุณสวย ทั้งๆ ที่คุณโทรมและอ้วนอืด

5. เขาพร้อมจะรับฟังความทุกข์ใจของคุณได้ ทุกเวลาและทุกสถานการณ์

6. เขาเข้าใจผู้ชายดีกว่าเพื่อนผู้หญิง และสามารถแนะนำคุณ ให้พัฒนาสัมพันธภาพที่ดีกับแฟนหนุ่มได้

7. เขาไม่หวงเพื่อน และใจกว้างพอที่จะเชียร์ให้คุณมีแฟน

8. ความสนุกสนาน และโลดโผนในแบบผู้ชาย จะทำให้คุณได้ทำอะไรที่สนุกแปลกใหม่บ่อยๆ

9. เขาสามารถร้องไห้ และร่วมอินในจินตนาการหนังแบบน้ำเน่าฮอลลีวู้ดไปกับคุณได้

10. คุณสมบัติความเป็นหญิงในตัวของเขา ทำให้คุณได้พัฒนาความเป็นแม่บ้านแม่เรือน

11. คำวิจารณ์ของเขาตรงไปตรงมา และสร้างมุมมองความละเอียดอ่อนให้คุณ

12. การไปไหนมาไหนกับเกย์ที่ไม่ออกท่าทาง ทำให้สาวโสดอย่างคุณไม่ต้องกังวลกับการที่ใครจะมาทักถึงทำเลคานทองนิเวศน์

13. เขาชอบแฟชั่น จึงมักกระตุ้นให้คุณต้องอัพเดทตัวเอง และแต่งตัวสวย

14. คุณและเขาสามารถก่อตั้งแฟนคลับส่วนตัว เชียร์หนุ่มเรนหรือใครสักคนในบ้าน AF ได้เต็มพิกัด

15. คุณสามารถบอกความลับที่ผู้หญิงไม่บอกต่อเพศเดียวกันกับเขาได้เสมอ

16. คุณสามารถรับรู้และฟังพฤติกรรมของผู้ชายในเชิงเพศศึกษา และจิตวิทยาได้เสมอจากเขา

17. เขาจะไม่แย่งผู้ชายของคุณ เพราะเกย์ที่ดีจะหาคู่ที่เป็นเกย์ด้วยกันทั้งนั้น

18. ถ้าหนุ่มของคุณเกิดไปมีอะไรกับเพื่อน คุณจะไม่เสียใจ เพราะรู้สึกโชคดีที่ไม่แต่งงานกับไบเซ็กช่วล

19. เขาทำให้คุณหัวเราะได้กับเรื่องที่คิดว่าเลวร้าย

20. ความเฟลิร์ตของเขาทำให้คุณได้สัมผัส พูดคุยกับผู้ชายในหลายรูปแบบ คุณจึงมีวิสัยทัศน์ในการมองหาหนุ่มในแบบที่ใช่ ได้ยอดเยี่ยม

21. เขาชอบมีคำพูดแปลกๆ มุขประหลาดๆ มาคุยกับคุณ และนั่นทำให้คุณต้องคิดเร็ว และฝึกสติปฏิภาณ

22. เขาจะดูแลคุณเสมอแม้ในยามเมา และไม่ปล่อยให้คุณต้องกลับบ้านคนเดียวในเวลามืดค่ำ

23. เขาชอบความโรแมนติกและมีคุณสมบัติในแบบพระเอกหนังโรแมนติก คุณจึงได้ซาบซึ้งกับความรู้สึกในแบบเจ้าหญิงหรือนางเอก 50 First Dates บ่อยๆ

24. เขาสนับสนุนสิทธิสตรี ดังนั้นคุณจะกลายเป็นผู้หญิงที่รัก และนับถือตัวเองในทุกสถานการณ์

25. เขาจะไม่หงุดหงิดกับคุณในช่วงปลายเดือนด้วยสาเหตุของมดลูกบีบตัว

26. คุณจะมีร่างกายที่แข็งแรง สมส่วน เพราะเขามักชอบลากคุณไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส หรือสปา

27. เขามีรสนิยมในการดื่ม กิน จึงสามารถแนะนำร้านบรรยากาศดี สำหรับออกเดทให้คุณได้

28. ในเวลาที่คุณควบคุมสติของตัวเองไม่ได้ เขากลับนิ่ง และคิดแทนอย่างสุขุมรอบคอบ

30. เขาชอบทำบุญและศึกษาธรรมะ คุณจึงพลอยได้รับอานิสงส์ และโอกาสสั่งสมบารมีไปด้วย

ที่มา : WOMAN PLUS

Sex กับ ราศี

Wednesday, June 10, 2009

ราศีเมษ (21 มีนาคม - 19 เมษายน)

ในเรื่องของเซ็กซ์แล้ว ชาวเมษจะเปรียบเสมือนเสือที่ออกล่าเหยื่อเป็นอาหาร คือจะเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้สิ่งที่ถูกใจ สำหรับความสัมพันธ์ทางเพศแล้ว ชาวเมษจะเป็นคนเปิดเผยและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้คนรักพอใจ เขา(หรือเธอ)ยกให้คุณจนหมดใจ ขอเพียงแค่คุณมีความจริงใจและรักอย่างแท้จริง เพราะถ้าคุณไม่สามารถทำให้เขาเชื่อใจได้ เขาจะระแวงและคอยกันท่า หรือหึงหวงคุณเสมอ

อะไรที่ชาวราศีเมษต้องการ : ชาวเมษไม่ต้องการของขวัญแบบที่ดูหวานๆ เช่นพวกดอกไม้ ของขวัญรูปหัวใจต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขา(หรือเธอ)ให้ความสำคัญเท่าใดนัก สิ่งที่เขาต้องการคือเวลาและกิจกรรมที่ทำร่วมกันมากกว่า ต้องการความเข้าใจและการกระทำที่ดีทั้งกายและใจ กิจกรรมที่น่าตื่นเต้นโลดโผน และการแสดงออกถึงความรัก การสัมผัสและถ่ายทอดความรัก เช่น การหอมแก้ม การกอด การจูบบ้าง คือสิ่งที่ชาวเมษต้องการมากกว่าสิ่งใดๆ

ราศีพฤษภ (20 เมษายน - 20 พฤษภาคม)

ชาวพฤษภเป็นอีกหนึ่งราศีที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจ มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างง่ายดาย เขา(หรือเธอ)จะใช้สิ่งเหล่านี้แหละเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง สำหรับเขาการแสดงออกในความรักจะแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เป็นคนที่สร้างอารมณ์และความรู้สึกที่ดีในการอยู่ร่วมกัน เป็นคนที่มีความโรแมนติก เพราะเขารู้สึกว่าเซ็กซ์มาจากความรู้สึกข้างในที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งเป็นสิ่งสวยงามในชีวิตเขา

อะไรที่ชาวราศีพฤษภต้องการ : ชาวพฤษภต้องการใครสักคนที่หนักแน่นและมั่นคงที่จะทำให้ชีวิตของเขามีความสุขได้ ต้องการคนที่ให้ทั้งความรัก การดูแล และสิ่งของที่มีความหมายดีๆ ที่จะติดตรึงอยู่ในใจของชาววัวตลอดไป การดูแลให้ความอบอุ่นและความเชื่อมั่น คือวิธีที่เหมาะที่สุดที่จะปฏิบัติให้กับชาวพฤษภและก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ชาวพฤษภเป็นคนที่พึ่งพาอาศัยได้และเป็นคนที่คอยดูแลเอาใจใส่สม่ำเสมอ หากใครต้องการเป็นคนที่โชคดีที่จะใช้ชีวิตในโลกอันสวยงามร่วมกับเขาได้ จะต้องใจเย็นและใช้เวลาในการค่อยๆบ่มเพาะความรัก ความรู้สึกในการพิชิตใจชาวพฤษภ

ราศีเมถุน (21 พฤษภาคม - 21 มิถุนายน)

ชาวเมถุนไม่ค่อยมีอารมณ์ในเรื่องเซ็กซ์มากมายนัก แต่จะมีความรู้สึกในเรื่องนี้เมื่ออยู่ในบรรยากาศดีๆ และเหมาะสมเท่านั้น เซ็กซ์เปรียบเสมือนกีฬาอย่างหนึ่งของชาวเมถุน เขาจะค้นหาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอในแบบที่ถูกใจ ชาวเมถุนให้ความสำคัญกับการสัมผัสและเสียง และต้องการหาสิ่งที่ดีที่สมบูรณ์แบบให้กับชีวิตรักของเขา

อะไรที่ชาวราศีเมถุนต้องการ : ใครสักคนที่สามารถตามเขาทัน เข้าใจเขารู้ใจและพร้อมจะผจญภัยกับเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและเป็นเพื่อนที่ดีของเขาได้ และสำหรับคนรักนั้นก็เช่นกัน แต่อาจจะไม่ต้องฉลาดเฉลียวมากมายนัก แต่ขอให้เป็นคนที่สามารถทำให้เขาสบายใจได้ในยามที่เขาทุกข์ใจ

ราศีกรกฎ (22 มิถุนายน - 22 กรกฎาคม)

สำหรับชาวกรกฎ เรื่องเซ็กซ์เปรียบเสมือนกิจกรรมในยามพักผ่อน เขาเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดีในเรื่องนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความพอใจในแต่ละครั้ง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ยอมรับอารมณ์ของคู่รักได้เสมอ ในยามที่มีอารมณ์ ความต้องการที่ไม่ตรงกัน ชาวราศีกรกฎถือเป็นคู่รักที่ดีและไม่เคยบกพร่องในเรื่องนี้แต่อย่างใด

อะไรที่ชาวราศีกรกฎต้องการ : ชาวกรกฎต้องการคนที่ใจเย็น สบายๆ ทำอะไรไม่รีบร้อน และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งจะทำให้คบกันได้นาน เขาต้องการคนที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความคิดเห็นได้ เพราะเขาคิดว่าความเข้าใจและความสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญที่สุดในการคบหากัน

ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม - 22 สิงหาคม)

ราศีสิงห์นั้นตรงกับธาตุไฟ จึงมีอารมณ์ความรู้สึกที่ร้อนแรง และมีพละกำลังเหลือเฟือ เขาจึงจะแสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกต่อคนรักเสมอๆ แต่การถ่ายทอดความรู้สึกหรืออารมณ์ต่างๆ ของชาวสิงห์นั้น จะเป็นแบบสวยงาม ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่จะเร่าร้อนมากมายเหมือนความรักของหนุ่มสาวทั่วไป เพราะชาวสิงห์จะมีมาด มีฟอร์มของความเป็นผู้นำอยู่ ดังนั้นเวลาจะทำอะไรจึงมีมาดนี้อยู่ด้วย เห็นอย่างนี้ก็เถอะ ชาวสิงห์เป็นคนที่มั่นคงในรัก ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และจริงใจต่อคุณเสมอ

อะไรที่ชาวราศีสิงห์ต้องการ : สิ่งที่ชาวสิงห์ต้องการก็คือ การได้รับการยอมรับนับถือ คำชื่นชม ซึ่งจะทำให้เขามั่นใจในตัวเองมากและเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารักอย่างดีด้วยความเต็มใจ ชาวสิงห์ต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด ดังนั้นคนรอบตัวของเขาจะต้องเข้าใจในความมุ่งมั่นของเขาและจงอย่ากวนใจเขาในยามที่เขากำลังตั้งใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ และสำหรับคนรักของชาวสิงห์ จงจำไว้ว่าเขาจะต้องเป็นที่หนึ่งในใจคุณเสมอ และอย่านอกใจหรือทรยศเป็นอันขาด

ราศีกันย์ (23 สิงหาคม - 22 กันยายน)

เซ็กซ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับชาวกันย์ ชาวกันย์จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อให้เซ็กซ์เป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นที่ประทับใจของตัวเองและคนรักมากที่สุด แต่ชาวราศีกันย์ไม่ใช่คนที่มีอารมณ์หรือความรู้สึกในเรื่องนี้บ่อยนัก หรือบางครั้งก็อาจจะรู้สึกอาย ดังนั้นชาวกันย์จึงต้องการการกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดขึ้น และหลังจากนั้น ชาวกันย์ก็จะสานต่อได้อย่างดี ชาวราศีกันย์เป็นคนไม่เจ้าชู้ และมั่นใจได้ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลหูไกลตา

อะไรที่ชาวราศีกันย์ต้องการ : ด้วยความที่ชาวกันย์เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่สุขภาพร่างกายตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นจึงต้องการคนที่จะมาเป็นเพื่อนในการออกกำลังกาย ดูแลเรื่องสุขภาพ อาหารและของใช้อื่นๆ ร่วมกัน ชาวกันย์ต้องการคนรักที่มั่นคง เชื่อใจได้และให้เวลาในการเป็นส่วนตัวบ้าง และคนคนนั้นต้องเป็นคนใจเย็น อารมณ์ดี และสามารถปรึกษาพูดคุยกันได้เสมอ

ราศีตุลย์ (23 กันยายน - 22 ตุลาคม)

เซ็กซ์เป็นเพียงแค่อารมณ์หนึ่ง ชาวตุลย์หากถูกใจใครเป็นพิเศษ คนๆ นั้นก็จะสามารถมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับชาวตุลย์ได้ไม่ยากนัก ชาวตุลย์เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และหากใครที่กล้าพอที่จะเข้ามาคบ ก็พร้อมจะพิจารณาเสมอ และยิ่งถ้าเป็นคนที่พร้อมจะให้ทุกอย่างได้ ก็พร้อมที่จะลองคบและมีความสัมพันธ์กันแบบลึกซึ้ง แต่ระวัง เพราะคุณอาจจะเป็นของเล่นของเขาได้ และเมื่อเขาเบื่อหรือเจอคนใหม่ที่น่าสนใจกว่า เขาก็อาจจะโยนของเก่าอย่างคุณทิ้งก็ได้

อะไรที่ชาวราศีตุลย์ต้องการ : คนที่พร้อมจะหยิบยื่นสิ่งต่างๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือการกระทำ และคนๆ นั้นต้องเป็นคนที่มั่นคงและไว้ใจได้ แต่ชาวราศีตุลย์กลับไม่ต้องการให้ใครมาผูกมัด หรือตั้งกฎเกณฑ์มากๆ และอีกอย่างที่เขาต้องการคือ คนที่สามารถพูดคุยและเป็นที่ปรึกษาได้ หากใครทำได้อย่างนี้ ชาวตุลย์ก็พร้อมที่จะญาติดีด้วย และมอบความรู้สึกดีๆ ให้ รวมๆ แล้วดูเหมือนชาวตุลย์เอาแต่จะได้ แต่แท้จริงแล้วแค่เป็นคนที่คิดพิจารณามาก เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองเท่านั้นเอง ถ้าคบไปแล้วชาวตุลย์ก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้ น่าคบหาคนหนึ่งทีเดียว

ราศีพิจิก (23 ตุลาคม - 21 พฤศจิกายน)

ชาวพิจิกถือเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเซ็กซ์มากทีเดียว เพราะชาวพิจิกจะเป็นคนที่เร่าร้อน มีอารมณ์ทางเพศสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชาวพิจิกมักจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเรื่องนี้ก่อนเสมอ ชาวพิจิกถึงแม้จะดูเป็นคนมีเสน่ห์และเจ้าชู้ แต่ภายในใจของเขา เป็นคนที่รักใครรักจริง เทิดทูนและให้เกียรติคนรักของเขา

อะไรที่ชาวราศีพิจิกต้องการ : ชาวพิจิกไม่พิสมัยความท้าทายหรืออุปสรรคที่ดูจะเสี่ยงและไม่แน่นอนว่าจะดีหรือไม่ ชอบอะไรที่ดูแน่นอนและความสมบูรณ์แบบมากกว่า ต้องการและแสวงหาคนรู้ใจที่มีความหนักแน่นและเข้าใจในตัวเขาได้ดีทุกเรื่องและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องการคนรักที่มีความอบอุ่น อ่อนโยนและมีความโรแมนติก ซึ่งจะทำให้ความรักของเขาหวานชื่นอยู่เสมอ

ราศีธนู (22 พฤศจิกายน - 21 ธันวาคม)

ชาวธนูเป็นคนธาตุไฟ มีความเร่าร้อนอยู่ในตัว ถ้าไม่พูดถึงเรื่องความรักที่ลึกซึ้งแล้ว ชาวธนูก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กซ์อยู่มากพอดู เขาไม่อายในเรื่องนี้ ถ้าไม่จริงจังและมีเงื่อนไขกับมันมากนัก เขาพร้อมเสมอ ชอบการพบปะสังสรรค์กับผู้คน เขาเป็นคนที่บริหารเสน่ห์ได้ดี และสำหรับคนรักของเขาจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเซ็กซ์ด้วยเพื่อที่ว่าทั้งเขาและคุณจะไปด้วยกันได้ดี

อะไรที่ชาวราศีธนูต้องการ : เพื่อนรู้ใจที่พร้อมจะไปกับเขาได้ทุกสถานการณ์ และไม่ทำให้เขาหนักใจหรือมีเรื่องเดือดร้อนถึงตัวเขา สำหรับคนรักของชาวธนูจะต้องเข้าใจและยอมรับในนิสัยที่รักอิสระเสรีของเขา ต้องไม่เป็นคนคิดมากหรืออ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ ชอบคนที่ซื่อสัตย์ เปิดเผย หากคุณเป็นอย่างที่เขาต้องการหรือมีนิสัยที่คล้ายกัน คุณก็จะเป็นทั้งเพื่อนและคนรักของเขาด้วยในเวลาเดียวกัน

ราศีมังกร (22 ธันวาคม - 19 มกราคม)

ภายใต้ความเยือกเย็นสุขุมที่ปกคลุมอยู่ภายนอก น้อยคนที่จะได้รู้ถึงความรู้สึกภายในที่เร่าร้อนซึ่งรอคอยผู้ที่มาสัมผัสและเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริง ชาวมังกรเป็นคนธาตุดิน เป็นคนไม่หวือหวา โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง อีกทั้งเขามองว่าเป็นเรื่องที่ต้องสำรวม จะแสดงออกต่อเมื่อถึงเวลาเท่านั้น ถ้ายอมเผยความรู้สึกในเรื่องนี้กับใครแล้ว แสดงว่าเขามั่นใจว่าคนคนนั้นคือคนที่เขาจะใช้ชีวิตรักไปด้วยอีกนาน

อะไรที่ชาวราศีมังกรต้องการ : ชอบการแข่งขัน ความท้าทายและอุปสรรคที่ต้องฟันฝ่าเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ชาวมังกรจึงเหมาะกับคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความสง่าสูงศักดิ์ และมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับชาวมังกรได้เสมอ ต้องมีความเก่งพอๆกัน และสิ่งที่ชาวมังกรต้องการอีกสิ่งคือ คนรักที่เข้าใจในธรรมชาติของเขาผู้ซึ่งไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ ต้องปรามเขาได้ และไม่เป็นคนอ่อนไหวจนเกินไป

ราศีกุมภ์ (20 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์)

ด้วยความเป็นคนธาตุลมที่ต้องการความเข้าใจ ความสุขใจ เรื่องบนเตียงจะเกิดขึ้นเพื่อต้องการความสุขทางใจมากกว่าความสุขทางกาย แคร์ความรู้สึกของคนรักมาก แม้ชาวกุมภ์เป็นคนที่มีเพื่อนมาก แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวเขาจะให้เวลากับมันอย่างดี เพราะกลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนรัก ชาวกุมภ์กับเรื่องเซ็กซ์ไม่มีอะไรหวือหวา จะเป็นไปตามธรรมชาติ

อะไรที่ชาวราศีกุมภ์ต้องการ : ชาวกุมภ์เป็นคนที่มีความคิดและมีมุมมองกว้างขวาง มักเชื่อมั่นในความคิดและสิ่งที่ตัดสินใจลงไป ดังนั้นคนรักจึงควรเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของเขาได้ดีที่สุด ต้องการคนที่สามารถพูดคุย ให้คำปรึกษากับเขาได้และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจเพื่อให้เขาก้าวไปสู่สิ่งที่ดียิ่งขึ้นไป นอกจากนี้เขาเป็นคนที่ไม่ดูแลตัวเองเอาเสียเลย เพราะฉะนั้นคุณจะต้องดูแลเอาใจใส่เขาให้มากๆ และคุณต้องเป็นคนรักครอบครัวด้วย นั่นคือสิ่งเขาต้องการ เพราะจะช่วยประคับประคองให้ชีวิตคู่ยั่งยืน

ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม)

เซ็กซ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ ซึ่งไม่แน่นอน บางครั้งอาจมีมากบางครั้งอาจมีน้อย ซึ่งถ้าหากคุณควบคุมอารมณ์ของคนราศีนี้ได้ ก็สามารถคุมเรื่องเซ็กซ์ของเขาได้เช่นกัน เขาเป็นคู่รักที่ดีเสมอในเรื่องนี้ ไม่เคยทำให้คุณต้องผิดหวัง มีแต่จะยิ่งหลงใหลในตัวเขามากขึ้น

อะไรที่ชาวราศีมีนต้องการ : คนที่สามารถมาเป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตได้ ถ้าเขาหมดหวัง อีกคนจะช่วยเป็นกำลังใจให้ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจากคนที่เขารัก ทำให้เขาอุ่นใจได้เสมอแม้เมื่อเจอปัญหา คุณจะต้องไม่ดูถูกความฝันของเขา แต่จะต้องคอยดึงเขาออกจากฝันนั้นบ้าง เพราะมิฉะนั้นจะกลายเป็นหลงอยู่ในความฝันจนลืมนึกถึงความเป็นจริง

ที่มา : ไทยจีฮาวดอทคอม

คู่เลิฟชาวเกย์ เงินทองน่าคิด

Tuesday, June 9, 2009

การใช้ชีวิตคู่สมัยนี้ไม่ได้มีเฉพาะชายกับหญิงแค่นี้อีกต่อไป เพราะโลกเปิดกว้างให้ชายและชาย รวมทั้งหญิงและหญิงรักใคร่สมัครสมานสานสายใยให้เป็นหนึ่งเดียวกันมานานแล้ว จึงถึงเวลาที่จะคุยถึง เรื่องการเงินของคู่รักร่วมเพศ หรือคู่เกย์ได้ แล้วอ่ะดิ

เออแต่พูดถึงคู่รักชาวเกย์ ที่น่าสงสารเพราะต้องเก็บงำ “ความรักที่เปิดเผยไม่ได้” ทำให้คิดถึงหนังเรื่องโบรกแบ็ก เมาเท่น แฮะ แถมยังทำให้รู้ถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของ “คู่รักเพศเดียวกัน” ว่าพวกเค้าคบกันยังไง, จีบกันแบบไหน และมองตาก็รู้ใจจริงอ่ะ ซึ่งไม่ต่างจากคู่เลิฟชายหญิงเลยฮ้า แถมคู่รักที่มักอยู่กันยืด สังเกตดิ่ส่วนมาก นอกจากรักจริง, รักจัง และรักอย่างเหนียวหนึบแล้ว อีกปัจจัยนึงที่ทำให้ทั้งคู่ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้.....

คงไม่ใช่เที่ยวเร่ไป “ฟัน” หรือมีเพศสัมพันธ์กะใครไปทั่วหรอกนะ แต่เพราะพวกเค้าดูแลการใช้จ่ายเรื่อง “เงินทองของเหลือเฟือ”...เอ้ย....ของหายากได้ดีกว่าคู่ที่มีแววเละตุ้มเป๊ะ “ใช้เงินไม่เป็น” หรือมีแต่จ่ายๆๆ จนตามคืนเงินหลังใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตมือเป็นระวิงน่ะซี

เมื่อเป็นงี้ ชาวเกย์ทั้งหลายหากรักกันจริง และตั้งใจจะอยู่ด้วยกันเพราะรักแท้...แหมเขียนซะเว่อ ก็ย่อมต้อง มีเคล็ดลับในการถนอมน้ำใจกันในเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือมีวิธีแบ่งสัน ปันส่วนเรื่องรายได้อย่างเหมาะสม ด้วยนะ ดังนั้น ชาวเกย์จึงมีการจัดระเบียบทางการเงินไงน้า? ทว่า ไม่ต้องทำหน้าสงสัยเพราะจะเฉลยเลย เช่น 1. ถึงแม้จะรักกันขนาดไหน แต่ในเมื่อยังแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริงไม่ได้ (บางชาติก็ไฟเขียวยินยอมแล้ว ส่วนที่ยังกลับมีเยอะกว่า) ดังนั้น จึงควรไว้ใจกันให้มากๆ จะดีที่ซู้ด....ข้อนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินหรอก แต่สะเออะแนะเรื่องใช้ชีวิตคู่ไปนู่น เพราะพวกคุณคงไม่หวังเพียงคบกันแล้วมาปอกลอกหรือปลดทรัพย์กันหรอก ใช่มะ

2. ซื่อสัตย์ต่อกัน ด้วยการอย่าไปเที่ยวมั่วมีกุ๊กมีกิ๊กดะไปทั่ว บอกเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอก ขืนไปติดโรคเอดส์ หรือโรคทางเพศสัมพันธ์มาสู่กัน ก็ตายละวาต้องเสียเงินเสียทองไปกับการรักษาสุขภาพชัวร์ป้าด แล้วค่ารักษาโรคเหล่านี้ถูกซะที่ไหนล่ะ

3. ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ชัดเจน ตั้งแต่ตกลงเป็นคู่ชีวิตนั่นเลย เช่น ถ้าอยากเปิดบัญชีธนาคารด้วยกันก็ทำ แต่ควรแบ่งรายได้ไว้ใช้ เป็นค่าใช้จ่ายส่วนรวม และค่าใช้จ่ายของใครของมันมั่งนะ

4. หรือถ้าตกลงกันว่า เงินทองของแต่ละฝ่ายจะไม่แตะต้องหรือเอามาปนเปกัน ก็คุยให้รู้เรื่องซะ จะได้ไม่เสียความรู้สึกกันภายหลัง เดี๋ยวมีเสียงบ่นขี้เหนียวล่ะยุ่งเลย

5. แต่หาก จะนำเงินมารวมกันเพื่อไปลงทุนให้เกิดดอกออกผลต่อไป ก็เป็นอีกทางที่อาจสร้างรายได้ให้เป็นกองทุนสำหรับ 2 เรา แล้วหาแหล่งที่จะนำไปลงทุนทำอะไรกันสิ เช่น ทำธุรกิจส่วนตัว, ซื้อทอง, ลงทุนในหุ้น, ซื้อลอตเตอรี...แต่ฮ่ะๆอันนี่พูดเล่น สรุปขอให้แฮปปี้กันทั่วหน้า จ้า!

ที่มา : สนุกดอทคอม

ชั้นใน สำคัญมาก

Monday, June 8, 2009

" ชั้นในนั้น สำคัญไฉน" ตอบได้ทันทีว่า "สำคัญมาก" เพราะชั้นในนั้นถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่สามารถยั่วยวนจินตนาการของอีก ฝ่ายให้เพริดแพร้วขึ้นมาได้ นัยว่าสิ่งที่ถูกห่อหุ้มอยู่ข้างในจะมีหน้าเป็นอย่างไรหนอเมื่อถอดห่อออกไป แต่หนุ่มๆ ส่วนใหญ่มักไม่สนใจประเด็นนี้นัก เพราะสักแต่ว่าใส่เพื่อถอด จนไม่เหลืออะไรไว้ให้จินตนาการ งานนี้คุณจึงต้องเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ เพื่อเย้ายวนใจสาวๆ ด้วยกางเกงชั้นในหลากสไตล์ที่บ่งบอกเสน่ห์ในตัวคุณ

1.Bikini, กางเกงชั้นใน

ถ้าคุณเป็นหนุ่มที่ไม่ค่อยจะมั่นใจในรูปร่างของตัวเองนัก กางเกงในทรง Bikini ช่วยให้คุณดูดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย เพราะ Bikini ถูกออกแบบมาให้ขอบเอวอยู่บริเวณสะโพกบน ขอบขาสูง (Hi-Cut) จึงช่วยให้คุณกลายเป็นหนุ่มที่ดูมีช่วงขายาวและน่าหลงใหล นอกเหนือจากทีส่วนใหญ่จะออกแบบให้กระชับบริเวณก้น และมัแผ่นหน้าที่สามารถรองรับบริเวณอวัยวะสำคัญให้สบายและพอเหมาะพอเจาะกับ ช่วงเวลาพิเศษของการขยายตัวพร้อมใช้งาน

2.Brief, กางเกงชั้นใน

Brief เป็นกางเกงในทรงสุภาพ ดีกรีความร้อนแรงและเย้ายวนทางเพศอาจจะน้อยกว่า Bikini อยู่หน่อย แต่ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหนุ่มๆ ที่ต้องการความกระชับและพอดีตัว Brief ถูกออกแบบมาให้มีขอบเอวสูง ดังนั้นถ้าคุณเป็นหนุ่มพุงย้อยจึงเหมาะกับกางเกงในทรงนี้ เพราะจะบดบังห่วงยางของหนุ่มๆ ได้ สาวๆ อาจจะสยองง่ายๆ ถ้าได้เห็นห่วงยางแบบเต็มๆ แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าข้างในมีอะไรดีกว่า ก็ไม่จำเป็นต้องสูญเสียความมั่นใจ

3.Boxer หรือกางเกงขาสั้น

ไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กแนวแต่เพียงกลุ่มเดียว แต่ยังเหมาะกับหนุ่มๆ ทุกคนที่ไม่ต้องการพันธนาการสำหรับอวัยวะสำคัญ น้องชายจะผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ถ้าสวมใส่ Boxer การใส่ Boxer ไม่เหมาะสำหรับหนุ่มๆ ที่ชอบออกกำลังกายนัก เพราะกางเกงจะไม่กระชับและทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ชอบสวมยีนส์เป็นชีวิตจิตใจ เพราะเวลาสวมใส่จะกระชับพอดีกับส่วนสำคัญ นอกจากนี้ Boxer ยังเหมาะกับหนุ่มรูปร่างอวบ เพราะ Boxer ช่วยดึงความสนใจจากห่วงยางได้ และที่สำคัญมันยังช่วยเรื่องจินตนาการใต้หว่างขาได้เป็นอย่างดี

4.Boxer Brief, กางเกงชั้นใน

Boxer Brief คือกางเกงในแบบเต็มตัวที่เหมือนกางเกงขาสั้นแบบรัดรูป หรือกางเกงว่ายน้ำแบบเต็มตัว ส่วนใหญ่จะผลิตจากผ้ายืด Cotton ที่เบาสบาย จึงให้ความกระชับกับสัดส่วนของร่างกาย รวมทั้งช่วยเน้นอวัยวะสำคัญให้เด่นตระหง่านน่าสนใจ ยิ่งเมื่อได้จินตนาการถึงการลูบไล้บนเรือนร่างที่เรียบลื่นจนถึงอวัยวะที่ สำคัญที่ถูกปกปิดไว้ด้วยปราการที่แน่นกระชับด้วยแล้ว ยิ่งยั่วยวนคววามต้องการได้เป็นอย่างดี หนุ่มๆ ที่ชอบสวมใส่กางเกงชั้นในแบบนี้จะรู้ว่าสาวๆ ชอบทำการลูบไล้

Special Tips
- ถ้าต้องการให้ชั่วโมงรักของคุณยาวนาน กระตุ้นความต้องการของกันและกันได้เรื่อยๆ อย่าถอดหมดในขั้นตอนเดียว แต่ควรเหลือกางเกงชั้นในไว้ให้เธอจินตนาการและสนุกกับมัน
- ทดลองให้เธอสนุกกับอวัยวะสำคัญผ่านปราการหนึ่งชั้นของกางเกงชั้นใน ก่อนจะทักทายกันอีกครั้งแบบตัวต่อตัว ตาต่อตา แน่นอนว่าคุณเองก็ควรลองปฏิบัติกับเธอแบบนั้นเช่นกันเพื่อความเพลิดเพลิน
- กางเกงชั้นในสีขาวทำให้สาวๆ รู้สึกได้ถึงความสะอาด แต่นั่นหมายความว่าคุณเองก็ต้องใส่ใจกับความสะอาดระหว่างวันด้วย ยกเว้นถ้ากางเกงในสีขาวจะทำให้เธอเห็นคราบความสกปรกระหว่างวันเด่นชัดขึ้น คุณก็ควรเปลี่ยนตัวใหม่ก่อนลงสนามทันที
- กางเกงชั้นในสีขาวช่วยยั่วยวนความต้องการได้ (โดยเฉพาะเวลาเปียกน้ำ) กางเกงชั้นในสีดำช่วยอำพรางรูปร่างและทำให้คุณมีเสน่ห์น่าค้นหา กางเกงชั้นในสีเนื้อช่วยให้ดูเป็นหนุ่มเซ็กซี่เล็กๆ แต่กางเกงชั้นในสีแดง เขียว เหลือง ส้ม ม่วง (สีฉูดฉาด) ไม่เหมาะกับหนุ่มมีสไตล์และผู้ชายเซ็กซี่เลยสักคน
- จีสตริง (G-String) ไม่เหมาะกับชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งปวง

ที่มา : จีไทยแลนด์ดอทคอม

ประตูหลัง อยากรู้เข้ามาอ่านดูนะ

Sunday, June 7, 2009

ประตูหลังเป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นประสาทมากมาย ดังนั้นจึงไวต่อการสัมผัสเป็นพิเศษ การกระตุ้นความรู้สึกของอวัยวะส่วนนี้ โดยการสอดใส่ด้วยนิ้วมือ หรือเซ็กส์ทอยรูปแบบต่างๆ จึงต้องมีกลเม็ดเคล็ดลับดังต่อไปนี้


ใช้น้ำหนักมือที่นุ่มนวล ขืนทำแรงๆก็เจ็บนะสิ...ถามได้


ต้องสำรวจตรวจของเล่นทั้งหลายว่าไม่มีพื้นผิวขรุขระ ถ้ามีควรใช้ตะไบเล็บขัดออก หรือใช้วิธีใดก็ได้ให้เรียบเนียนขึ้น


งัดกลเม็ดการนวดด้วยปลายนิ้วขึ้นมาใช้ รู้จักแบบไหนขุดมาใช้ให้หมด เช่น นวดเป็นวงกลมรอบๆประตูหลัง หรือนวดข้ามไปมาเป็นรูปกากบาท ถ้ามีนิสัยขี้เล่นหน่อยก็ลองวาดนิ้วเป็นตัวอักษรก็ได้ แปลกดีนะ


ไวเบรเตอร์ที่มีรูปร่างผอมเรียวเล็ก สามารถใช้สอดใส่เข้าไปพร้อมนิ้วมือได้ เพิ่มความเสียวขึ้นอีกหลายเท่าตัวเชียวละ


วิธีตระเตรียมให้พื้นที่ประตูหลังพร้อมสำหรับการสอดใส่ต้องกระทำอย่างค่อย เป็นค่อยไป คือ พยายามสอดนิ้วแรกเข้าไปแช่ไว้ก่อนสัก 1 นาที จากนั้นค่อยตามด้วยนิ้วที่สอง แล้วแช่ไว้อีก 2 นาที ไม่ใช่นึกอยากขึ้นมาก็ทิ่มพรวดเข้าไปเลย แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเล่นเสียวแล้ว มีแต่ร้องจ๊ากนะนั่น


แทนที่จะแช่นิ้วทิ้งไว้ในช่องโดยไม่คิดทำอะไรให้เกิดผล ลองทำนิ้วขยุกขยิกเบาๆอยู่ภายใน หรือไม่ก็เข้าบ้างออกบ้าง เอาเป็นว่าแล้วแต่จะคิดค้นเองก็แล้วกัน อย่าลืมเน้นที่ความนุ่มนวลอ่อนโยนเสมอ


เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนประตูหลังคลายตัวและง่ายต่อการสอดใส่ จึงควรสอดใส่นิ้ว ไวเบรเตอร์หรืออุปกรณ์เซ็กส์ทอยอื่นๆในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆกดลงอย่างเบามือที่สุด


เซ็กส์ทอยที่มีไว้ใช้กับอวัยวะส่วนใด ก็ควรจำกัดไว้แค่อวัยวะส่วนนั้น คู่ใดที่มีเซ็กส์ทอยเป็นโหลควรแยกเก็บอุปกรณ์สำหรับใช้ทางช่องคลอด และอุปกรณ์สำหรับใช้ทางประตูหลังไว้คนละกระเป๋า ไม่ควรปะปนกันเด็ดขาด ประเดี๋ยวนำมาใช้ผิดที่ละก็...ยุ่งตายเลย


Anal beads คืออุปกรณ์หนึ่งที่ใช้กับประตูหลังโดยเฉพาะ ในระหว่างที่กำลังถึงจุดสุดยอดสามารถพลิกแพลงลีลาได้ โดยการขยับขึ้นๆลงๆ หรือจะดึงออกมาแล้วค่อยสอดเข้าไปใหม่ก็ได้ ทั้งนี้และทั้งนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ต้องมีห่วงติดอยู่ตรงปลาย เพื่อกันไม่ให้ลื่นไหลเข้าไปในช่องจนมิด อาจเกิดอันตรายได้ คิดทำอะไรแผลงๆแบบนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าปกติ

การเล่นรักทางประตูหลังไม่ได้เหมาะกับทุกคน ถึงแม้ว่าจะเป็นอีกรูปแบบที่ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้ชีวิตรักบนเตียงนอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่นิยมชมชอบลีลาแหวกธรรมชาติแบบนี้ ก็อย่าฝืนใจกันเลย ลองวิธีอื่นที่สามารถเอ็นจอยด้วยกันได้ดีกว่า เพื่อความสุขร่วมกันของเราและเขาไงละ

ที่มา : เกย์

ความต่างระหว่างเกย์ไทยกับเกย์ฝรั่ง

Tuesday, June 2, 2009


ความต่างระหว่างเกย์ไทยกับเกย์ฝรั่ง ไม่เพียงแต่ สภาพความเป็นชุมชนเกย์ ที่มีลักษณะแตกต่างกับตะวันตก ความเข้าใ จ และทัศนคติ ที่เกย์มีต่อตนเอง ก็แตกต่าง ไป จากเกย์ตะวันตก มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ความเป็น เกย์ของเกย์ไทย ถูกกำหนดโดยโครงสร้างทาง วัฒนธรรม ที่เน้นบทบาททางเพศ ระหว่างชาย กับหญิงเป็นอย่างมาก ในสังคมตะวันตก โฮโมเซ็กช่วล หมายถึง บุคคลที่มีความโน้มเอียง ไปในทางชอบเพศ เดียวกัน ไบเซ็กช่วล หมายถึง บุคคลที่มีความ โน้มเอียงทางเพศต่อทั้งสองเพศ

ขณะที่ เฮกเตอโรเซ็กช่วล หมายถึง บุคคลที่ชอบเฉพาะเพศตรงข้าม ส่วนส่วนคำว่า เกย์ และ สเตรท มีนัยในเชิงวัฒนธรรมมากกว่า ดังนั้น "เกย์" จึงหมายถึงโฮโมเซ็กช่วล และ อาจรวมถึงไบเซ็กช่วล ที่ออกมาใช้ชีวิตอย่างเกย์ คือ เที่ยวเกย์คลับ และ ร่วมกิจกรรมกับชุมชนเกย์ ส่วน "สเตรท" ก็คือ คนทั่วไป ที่มีวัฒนธรรมทาง เพศอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่สังคมไทย เวลาที่เราสงสัยว่าใครคนใด คนหนึ่งเป็นเกย์ เรามักจะมีภาพว่า เขาแอบชอบ เพศเดียวกัน และ มีความรู้สึกนึกคิดแบบผู้หญิง เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐาน ที่ควรจะเป็นของผู้ชาย ฉะนั้นโดยทั่วไป เกย์แปลว่าไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว ทว่าเมื่อเรามองให้ละเอียดขึ้น เราจะพบว่า การแบ่ง แยกเรื่องทางเพศในบ้านเรา สะท้อนค่านิยม กี่ยว กับบทบาททางเพศ ระหว่างหญิงกับชายเป็นอย่างมาก นอกจากคำว่า เกย์แล้ว

เราจะพบคำอื่นๆ เช่น กะเทย สาวประเภทสอง เกย์คิง เกย์ควีน คำว่า กะเทย เป็นศัพท์ดั้งเดิมในภาษาไทย แรกเริ่มหมายถึง บุคคลที่เมื่อดูที่กายภาพแล้ว ปรากฏทั้ง 2 เพศใน ตัวคนๆ เดียวกัน สังคมไทยดั้งเดิม ไม่มีมโนทัศน์เรื่อง เกย์ แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า ความสัมพันธ์ทาง เพศระหว่างเพศเดียวกัน ไม่มีอยู่ในสังคมดั้งเดิม เพียงแต่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายในอดีต ไม่ได้ทำให้เพศชายกลายเป็นเพศอื่น ในเชิงกายภาพ สังคมไทยดั้งเดิมจึงประกอบไปด้วย 3 เพศ คือ เพศชาย เพศหญิง และเพศกะเทย ต่อมาคำว่า กะเทย ใช้ระบุ เพศชาย ที่มีบุคลิกกระเดียดไปในแบบ ผู้หญิง โดยเฉพาะ คนที่ชอบแต่งตัวคล้ายๆ กับผู้หญิง ซึ่งมักจะปรากฏว่า บุคคลเหล่านี้ ก็มักจะมี ความ สัมพันธ์ทางเพศกับเพศชาย ซึ่งหมายถึง เพศที่มีองคชาติโดยกำเนิด และ มีบุคลิกอย่างผู้ชาย คำถาม คือ เพศชายที่มีความสัมพันธ์กับเพศกะเทย หรือ มีความสัมพันธ์กันเองนั้น เป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งหรือ ไม่ สังคมไทยแต่เดิม ไม่มีแนวคิดในเรื่องนี้ การมีเพศ สัมพันธ์กับเพศเดียวกัน อาจถูกมองว่า เป็นเรื่องวิตถาร แต่ เพศชายก็ยังคงเป็นเพศชาย ไม่ใช่เกย์ ไม่ใช่กะเทย

เพราะเราไม่ได้มีมโนทัศน์เกี่ยวกับเกย์ ต่อมาเมื่อเราเอาคำว่า เกย์ มาใช้จากตะวันตก ก็เกิดความสับสน แต่เดิมวัฒนธรรมของเรา ไม่ได้ระบุตัวตน หรืออัตลักษณ์ โดยเอากิจกรรมทางเพศ หรือ วัตถุของ การร่วมเพศ มาเป็นเครื่องบ่งชี้ นอกเสียจาก ลักษณะที่เห็น ทางกายภาพ และ การกำหนดบทบาททางเพศ ที่มีอยู่สูง ระหว่าง ผู้หญิง กับ ผู้ชาย แต่นั่น ก็ไม่เกี่ยวกับ เรื่องของการร่วมเพศ ในช่วงแรกๆ ประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมา เมื่อเราเอาคำว่า เกย์มาใช้จากภาษาอังกฤษ ในช่วงแรกเกย์จึงถูกมองว่า เป็นกลุ่มเดียวกับกะเทย ดังนั้น เราจึงมีอีกคำ คือ เสือไบ หรือไบเซ็กช่วล ใช้เรียกเพศชาย ที่มีลักษณะผู้ชาย แต่ในบางโอกาส อาจสนใจเพศเดียวกัน ทั้งนี้ สังคมไทย ยังคงถือทัศนคติที่ว่า คนที่มีลักษณะ เ ป็นผู้ชาย ถึงอย่างไรก็ต้องชอบเพศหญิง เพราะเรา มีภาพเรื่องบทบาททางเพศ คอยกำกับ ต่อมา มีการสร้าง ศัพท์ขึ้น โดยขอยืมคำภาษาอังกฤษมาใช้อีก คือ การแบ่งแยกระหว่างเกย์คิง กับเกย์ควีน

ที่มา : พีทนัท

กลการแปลงชื่อชายให้เป็นสมญาหญิงประจำตัว


เคยลองนึกดูเล่น ๆ บ้างไหมว่า ชื่อชายของคุณนั้น มีเวอร์ชั่นหญิงว่าอะไร? การแปลงชื่อชายให้เป็นหญิงนั้น เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่พบเห็นได้ในเกย์ไทย อาจจะไม่ทุกกลุ่ม แต่ก็หลายกลุ่ม เหตุผลเบื้องต้นในการแปรและแปลงชื่อนั้นก็อาจเป็นเพราะ เกย์ไทยหลายต่อหลายคน มีความรู้สึกลึก ๆ เยี่ยงสตรีเพศ

การแปลงชื่อชายของตนจึงน่าจะเป็นการตอบสนองความปรารถนาเชิงอิตถีลิงค์รูปแบบหนึ่ง คือ ได้กระเถิบเข้าไปใกล้ความเป็นสตรีเพศมากขึ้นอีกขั้น (เพราะความเป็นจริงนั้นยังแปลง 'อย่างอื่น' มิได้...สำหรับบางคน). เหตุผลสามัญอีกประการก็คือ เป็นสิ่งที่ทำแล้วหฤหรรษ์ดีในกลุ่ม

เวลารวมตัวสังสรรค์พร้อมหน้ากัน ก็จะมีการเรียกขานฉายาหญิงของแต่ละคนกันอย่างสนุกสนาน ครึกครื้น เปี่ยมสีสัน จัดเป็น expression of endearment ในกลุ่มอีกแบบหนึ่ง (นอกเหนือไปจากการใช้คำว่า 'อี' นำหน้าชื่อของเพื่อนสนิทที่ตนเรียก ซึ่งในกลุ่มด้วยกันแล้ว ถือว่าไม่หยาบคาย แต่เป็นการแสดงความสนิทสนม)

ฉายาแปลงบางฉายา ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความหมาย หรือถูกหลักสมาส-สนธิแต่อย่างใด เพียงแต่ขอให้มีรากชื่อชายจริงเหลืออยู่หย่อมนึง และฟังแล้วเลิศรูหูรูสมิแล เป็นพอ

คำเตือน: ชื่อบางชื่อไม่ควรนำเอาไปตั้งชื่อลูกเป็นอันขาด!


นายกมล เปลี่ยนเป็น กมลา, กมลพร, กมลาภรณ์, กมลชนก, กมลมาศ, กมลมาลย์, เกศกมล

นายกริช เปลี่ยนเป็น กรชฎาพร, กริชดาภรณ์

นายกฤษณ์, กริช เปลี่ยนเป็น กฤษณา, กฤษณีนาฎ, กรชฎาพร, กฤษฎี

นายกิตติ เปลี่ยนเป็น กฤตติกา, กิตติกร

นายกิตติชัย เปลี่ยนเป็น กีรติชนา, กิตติชยา

นายกุลบุตร เปลี่ยนเป็น กุลบุตรี, กุลธิดา

นายเกตุ เปลี่ยนเป็น เกศราพร, เกตุมมณี

นายโกศล เปลี่ยนเป็น โกสุม, กุสุมา, กุสุมากร

นายไกรสิงห์ เปลี่ยนเป็น แก้วไกวัล

นายขวัญชัย เปลี่ยนเป็น ขวัญทิพย์, ขวัญแก้ว, ขวัญประดับ, ขวัญฉาย, ขวัญฉาบ,
ขวัญเคลือบ, ขวัญคล้อง

นายคำรน เปลี่ยนเป็น คำประกอง, คำสคราญ, คำรนศรี

นายจรัญ เปลี่ยนเป็น จรัญญา, จรัญญุตา

นายจรูญ, จำรูญ เปลี่ยนเป็น จารุณี

นายจุฬา เปลี่ยนเป็น จุฬาฬีวัลย์

นายเจริญ เปลี่ยนเป็น เจริญจิตรา, เจริญรัศมี

นายฉัตรเฉลิม เปลี่ยนเป็น ฉัตรสุมาลย์, ฉัตรชฏา, ฉัตรสุดา, ฉัตรมณี, ฉัตรปาณี

นายชม เปลี่ยนเป็น ชไมพร

นายชัฏ เปลี่ยนเป็น ชฎาพร

นายชาญวิทย์ เปลี่ยนเป็น ชาญาพร

นายชาตรี เปลี่ยนเป็น ชฎารักษ์

นายชาย เปลี่ยนเป็น ชายาพร, ชาริญา, ชรินทร์ญา

นายชูชัย เปลี่ยนเป็น ชูศรี, ชูใจ, ชูลักษณ์

นายเชาว์ เปลี่ยนเป็น เชาว์สิริ

นายเชาวลิตร์ เปลี่ยนเป็น เชาวลักษณ์

นายเชิดชัย เปลี่ยนเป็น ชยามา

นายณัฐพล เปลี่ยนเป็น ณัฐภัสสร

นายเด่น เปลี่ยนเป็น เด่นดวงประภา

นายตวง เปลี่ยนเป็น ตวงทิพย์

นายถวัลย์ เปลี่ยนเป็น วรรณฤดี

นายทิพวัตร เปลี่ยนเป็น ทิพย์วรรณ

นายนพ เปลี่ยนเป็น นพวรรณ, นภาวรรณ

นายนฤเบศร์ เปลี่ยนเป็น นฤมล, นิรมล

นายนวรัตน์ เปลี่ยนเป็น นวลปรางค์

นายนิธิ เปลี่ยนเป็น นิธิภา, นิตย์ฐินันทน์

นายนิรันดร์ เปลี่ยนเป็น นิรัดราณี, นิรันดร์ลักษณ์, นิสาชล

นายบวร เปลี่ยนเป็น วรสิริศรี

นายปฐมชัย เปลี่ยนเป็น ปัทมามาลย์

นายปราชญ์ เปลี่ยนเป็น ปราชญาพร

นายปริตร์ เปลี่ยนเป็น ปารีส (Paris)

นายปัญญา เปลี่ยนเป็น ปัญจกัลยานี, ปริญา

นายปาน เปลี่ยนเป็น ปานรพี

นายปิยะ เปลี่ยนเป็น ปิยาสุนี

นายเปรม เปลี่ยนเป็น เปรมสุภา, เปรมจิตร์, เปรมปริยา

นายผดุงศักดิ์ เปลี่ยนเป็น ปรุงทิพย์

นายพนิต เปลี่ยนเป็น พนิตนันท์

นายพิชัย เปลี่ยนเป็น พิชยาพร

นายเพชร เปลี่ยนเป็น เพชรา, พิชรา

นายภักดี เปลี่ยนเป็น พักตร์พิมล, พักตร์พิศ, ภักดีลดา, ภักดิ์ภัสดา (ซื่อสัตย์กับผู้ชายของตน ไม่สนชายอื่น:

นายมนต์ชัย เปลี่ยนเป็น มนทิรา, มณฑาณี

นายเมฆินทร์ เปลี่ยนเป็น เมขลา

นายเมธา เปลี่ยนเป็น เมธาวี, เมทนี, มัทนา, มัทรี

นายเมษ เปลี่ยนเป็น เมษา

นายยอดชาย เปลี่ยนเป็น ยอดมณี

นายรอง เปลี่ยนเป็น รองรัตน์

นายรักษ์ เปลี่ยนเป็น กุลรักษา

นายรักษ์ธรรม เปลี่ยนเป็น ธรรมธารี, ธรรมริน (Tamarind แปลว่า มะขามเปรี้ยวปรี๊ด)

นายราม เปลี่ยนเป็น สีดา

นายรุ่งชัย เปลี่ยนเป็น รุ่งนภา, รุ่งรัตน์

นายลักษณ์ เปลี่ยนเป็น ลักษณาพร, ลักษณีนาฎ, เยาวลักษณ์

นายวัลลภ เปลี่ยนเป็น วัลลภา, วัลลีลักษณ์

นายวายุเทพ เปลี่ยนเป็น วาววดี

นายวิฑูรย์ เปลี่ยนเป็น วิมลทิพย์

นายวิทย์ เปลี่ยนเป็น สาวิตรี

นายวิริยะ เปลี่ยนเป็น วิริญญา

นายวิลาส เปลี่ยนเป็น วิลาสินี

นายศักดิ์ชาย เปลี่ยนเป็น ศักดิ์สินี

นายสนั่น เปลี่ยนเป็น ศันสนีย์

นายสมเกียรติ เปลี่ยนเป็น กีรติ

นายสมบุญ เปลี่ยนเป็น บุญจิรา, บูลย์จีรา

นายสมศักดิ์ เปลี่ยนเป็น ศักดินีศรี

นายสฤษดิ์ เปลี่ยนเป็น สรวงสุดา

นายสวัสดิ์ เปลี่ยนเป็น งามสวัสดิ์

นายสันต์ เปลี่ยนเป็น ศัลยา

นายสันติสุข, สันติชัย เปลี่ยนเป็น สวรรยาภรณ์

นายสุชาติ เปลี่ยนเป็น สุชาดา

นายสุทัศน์ เปลี่ยนเป็น สุธาสินี

นายสุนัย เปลี่ยนเป็น สุนัยนา, สุเนตรา

นายสุรศักดิ์ เปลี่ยนเป็น สุรีรัตน์

นายสุวิทย์ เปลี่ยนเป็น สุวิชชา

นายหนุ่ม เปลี่ยนเป็น นุ่มอนงค์, นุ่มนุช

นายอดิสรณ์ เปลี่ยนเป็น อดิศรี, อลิศรา, อัปสราลักษณ์

นายอนุรักษ์ เปลี่ยนเป็น อนุรักษา, นุชฎา, อนุชแน่งพธูเธอ

นายอรุณ เปลี่ยนเป็น อรุณี, อรุณีนาฎ

นายอัครพล เปลี่ยนเป็น อันตราคนี

นายอังคาร เปลี่ยนเป็น อังคณา

นายอาทิตย์ เปลี่ยนเป็น อาทิตา, อาเทตยา, จันทร์เพ็ญ, โพยมหยาดหล้า

นายอานันท์, อานนท์ เปลี่ยนเป็น อารยา, อาริยา, นันทนาพร

นายอาลักษณ์ เปลี่ยนเป็น อารีรัตน์

นายอำนาจ เปลี่ยนเป็น อัญชลีกร, อัญชุลีพร

นายเอกบุตร เปลี่ยนเป็น เอกบุตรี, บุษบาบัน

นายเอกรัฐ เปลี่ยนเป็น รัชนี, รัชฎาพร

ที่มา : ศุภวัตดอทคอม

ชายไทยเป็นเกย์ร้อยละ ๑๐ แต่ไม่กล้าเปิดเผยแอบแฝงกว่าร้อยละ ๖๐


สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ -- ๔ พ.ย. -- เสวนาเกย์วิชาการ เสนองานวิจัย ดร.ทศวร ระบุสังคมเป็นผู้ยัดเยียดความเป็นอื่นให้กับชาวเกย์ ทั้งที่ความจริงเกย์ก็คือมนุษย์ปกติ ที่สร้างประโยชน์ให้สังคมได้ไม่แตกต่างจากชายจริงหญิงแท้ ขณะที่ประธานองค์กรฟ้าสีรุ้งฯเผย ร้อยละ ๑๐ ของชายไทยปัจจุบันเป็นเกย์ แต่กว่าร้อยละ ๖๐ แอบแฝงพฤติกรรม เตรียมจัดงานนัดพบชาวเกย์ มอบรางวัลบุคคลส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ระบุเลือกอยู่ระหว่าง ร.ต.อ.ปุระชัย กับ อาจารย์จอน

องค์กรฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเกย์วิชาการครั้งที่ ๒ ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยช่วงเช้า ตั้งแต่ ๑๐.๓๐–๑๓.๐๐ น. เป็นการนำเสนอวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ ผศ.ดร.ทศวร มณีศรีขำ จากภาควิชาการแนะแนวและจิตวิทยาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒฯ เรื่อง "การสร้างความเป็นอื่นให้กับเกย์" ซึ่ง ผศ.ดร.ทศวร เป็นผู้นำเสนอเอง โดยกล่าวว่า วิทยานิพนธ์ดังกล่าว ได้ศึกษาด้วยการเข้าถึงปัญหา โดยเก็บข้อมูลจากผู้ที่เป็นเกย์ ซึ่งก็ได้พบว่า การกำหนดความเป็นเพศหรือเพศสภาพในสังคมปัจจุบัน ควรต้องมีการทบทวนและขยายความ เพื่อคลี่คลายให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในสังคม การกำหนดให้คนที่ไม่ใช่ชายจริงหญิงแท้ ต้องถูกเรียกว่า เกย์ เป็นเพียงการกำหนดด้วยกระบวนการทางวาทกรรม ซึ่งก่อให้เกิดความเป็นอื่นให้กับ "เกย์"

ผศ.ดร.ทศวร กล่าวอีกว่า กระบวนการต่าง ๆ นี้ เกิดจากปรากฎการณ์ที่สังคม บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ไม่เห็นด้วยหรือไม่ยอมรับการเป็นเกย์ จึงได้สร้างวาทกรรมเพื่อสะท้อนและชี้ให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ผ่านกลไกในรูปแบบความคิด ความเห็น การส ร้าง ภายใต้ศาสตร์สาขาต่าง ๆ ทั้งศาสนา จิตวิทยา การแพทย์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และสังคมศาสตร์ จึงส่งผลให้เกย์มีพื้นที่เฉพาะและจำกัด มีโอกาสที่จะใช้ชีวิต ใช้ศักยภาพและมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมได้น้อยกว่ากลุ่มบุคคลที่สังคม เรียกว่า ชายจริง หญิงแท้ ภาพลักษณ์ของเกย์จึงเป็นภาพลบในสายตาบุคคลทั่วไป และถูกจับจ้อง ทั้งที่ความจริง เกย์ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความสามารถจะใช้ร่างกาย สติปัญญา และศักยภาพให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ดี ไม่มีข้อแตกต่างจากหญิงชาย

"เกย์ถูกทำให้เป็นอื่น ผ่านสถาบันต่างๆ ทั้งครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความจริงสมมติ ที่ผู้ที่คิดครั้งแรกกำหนดให้สิ่งนั้นสิ่งนี้ต้องเรียกอย่างนั้น และเมื่อมีการกำหนดว่าโลกนี้มีเพียง ๒ เพศ ชาย-หญิง ใครเป็นเกย์ก็เลยถูกจับจ้อง ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ผมให้คำนิยามของเกย์ว่า กลุ่มคนที่รักเพศเดียวกัน ไม่ใช่รักร่วมเพศ เพราะต่างกัน เกย์บางคนไม่ได้มีความรักแล้วต้องมีการร่วมเพศ จึงควรเข้าใจส่วนนี้ด้วย"
ผศ.ดร.ทศวร กล่าว

ผศ.ดร.ทศวร กล่าวด้วยว่า การจัดทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ เพื่อต้องการเปิดกว้าง ให้เป็นทางเลือกแก่สังคม ได้ฉุกคิด ได้ตระหนักและเปิดวิสัยทัศน์ทางปัญญาให้กับทุกคนในอีกมุมมองเกี่ยวกับกลุ่ม คนที่สังคมเรียกว่าเกย์ว่า ในความเป็นจริง เขาก็คือมนุษย์และสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้เหมือนกัน สังคมปัจจุบันจึงถึงเวลาทบทวน มุมมองที่ว่า เกย์เป็นคนผิดปกติหรือเบี่ยงเบน นอกจากนี้ยังหวังให้วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ ทำให้สังคมและสถาบันต่าง ๆ ที่เป็นคนส่วนใหญ่ได้ทบทวน กฎเกณฑ์ กติกา และระเบียบแบบแผนที่สร้างขึ้นมาครอบงำ กดขี่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แตกต่างออกไปจากตน

ด้าน นายกมลเศรษฐ์ เก่งการเรือ ประธานองค์กรฟ้าสีรุ้งฯ กล่าวว่า จากการทำงานคลุกคลีในกลุ่มชาวเกย์ และสามารถรวบรวมข้อมูลได้ว่า ในสังคมไทยมีมากถึงร้อยละ ๑๐ ของประชากรชายที่เป็นเกย์ โดยเป็นเกย์ที่แอบแฝงสูงถึงกว่าร้อยละ ๖๐ ที่กล้าเปิดเผยไม่ถึงร้อยละ ๔๐ ซึ่งข้อมูลนี้ใกล้เคียงกับองค์การอนามัยโลก เกย์ในสังคมไทยถูกกีดกันและทำให้เป็นอื่น ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ในสังคม การทำงาน ซึ่งพบว่า ผู้ที่เป็นเกย์ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพราะถูกจำกัดที่ความเป็นเกย์ ส่วนใหญ่เกย์ไทยจะกล้าเปิดเผยก็ต่อเมื่อมีความพร้อม มีหน้าที่การงานที่ประสบความสำเร็จแล้ว มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในฝีมือการทำงาน เช่น ศิลปินดัง นักวิชาการที่ประสบความสำเร็จ

"ความเป็นอื่นเกิดจากสังคมยัดเยียด ที่ร้ายคือ แม้แต่พ่อแม่ก็มักสร้างความเป็นอื่นให้เกิดกับลูกที่เป็นเกย์ ไม่ยอมรับเพราะสังคมไม่ยอมรับ จึงทำให้ลูกต้องออกจากครอบครัว ทั้งที่ความจริง หากพ่อแม่เข้าใจ และให้โอกาส ไม่ตัดสินแทนว่า ลูกเป็นเกย์แล้วเป็นทุกข์ แต่เข้าใจว่า เขาอาจมีความสุข ก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในครอบครัว" ประธานองค์กรฟ้าสีรุ้งฯ กล่าว และว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นเกย์มักไม่เอ่ยปากบอกพ่อแม่ เพราะกลัวพ่อแม่เสียใจ รับไม่ได้ ดังนั้น พ่อแม่ปัจจุบันต้องสังเกตลูก เข้าหา พูดคุย เพื่อให้รู้และเข้าใจความต้องการ ซึ่งดีกว่าการไม่ยอมรับแล้วพยายามเปลี่ยนลูกให้กลับมาถูกเพศตามสังคม ผลักดันให้มีครอบครัวแล้วก็อยู่กันไม่ได้เกิดครอบครัวล้มเหลวอีก

ประธานองค์กรฟ้าสีรุ้งฯ กล่าวด้วยว่า องค์กรฟ้าสีรุ้งฯ ก่อตั้งขึ้นมา ๒ ปี มีสมาชิกกว่า ๑,๒๐๐ คน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีในกลุ่มชาวเกย์ให้อยู่ร่วมในสังคมได้ อย่างมีความสุข และดูแลสุขภาพ คุณภาพชีวิตชาวเกย์ด้วยกันให้พ้นจากโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคที่ชาวเกย์ต้องสังเวยชีวิตไปมาก แต่หลังการรณรงค์ก็ช่วยลดอัตราป่วยและตายได้เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มไม่ได้มุ่งหวังเรียกร้องให้สังคมยอมรับ แต่เชื่อว่า หากชาวเกย์คิดดี ทำดี ทำประโยชน์ต่อสังคม ต่อไปสังคมก็จะยอมรับได้เอง ทั้งนี้ ในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายนนี้ องค์กรฯจะจัดงานปาร์ตี้ชาวเกย์ที่โรงแรมรอยัล เบญจา สุขุมวิท เพื่อรวมตัวสมาชิก และเปิดกว้างให้บุคคลทั่วไปได้เข้าร่วมรับรู้และเข้าใจกลุ่มเกย์มากขึ้น โดยจะเริ่มงานในเวลา ๑๘.๓๐ น.

"งานวันที่ ๑๖ พ.ย.นี้ พวกเราจะมีการมอบรางวัล ๓ รางวัล ได้แก่ รางวัลบุคคลที่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเลือกระหว่าง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ กับ อาจารย์จอน อึ้งภากรณ์ นอกจากนี้มีรางวัลสื่อที่ส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสังคม และรางวัลเกย์ที่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม รางวัลเหล่านี้พวกเราจะมอบให้ ส่วนผู้ที่ได้รับเลือกจะรับหรือไม่ เราไม่สนใจ แต่เราจะเชิญมาร่วมงาน หรือนำไปมอบให้" ประธานองค์กรฟ้าสีรุ้งฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายของการเสวนา เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของชาวเกย์ในหัวข้อ "ชุมนุมเกย์: เรื่องเล่าอันซ้อนทับกันกับการปะทะสังสันทน์ของตัวตน" โดย นายทวีวัฒน์ โปร่งจิต เลขาธิการบางกอกไพรด์ กล่าวยอมรับว่า การเป็นเกย์เกิดได้จากสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดู มีอิทธิพลอย่างมาก แต่เกย์ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม และคิดว่าจะเป็นที่ยอมรับได้ ขณะที่ นายเทียนชัย เหล่าเกิด กล่าวว่า ความเป็นอื่นที่สังคมยัดเยียดให้ ทำให้คนในสังคมมักคิดว่า เกย์ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ โดยเล่าประสบการณ์ในการถูกเกณฑ์ทหารว่า ระหว่างที่ฝึกในกองทัพฯ สังคมมีส่วนมากในการผลักดันว่า เมื่อตุ้งติ้งแล้วก็ต้องเต้นเก่ง ร้องเพลงเก่ง วี๊ดว้าย ขณะที่ภาพของเกย์เรียบร้อยก็มี ลักษณะวี๊ดว้าย หรือแสดงออกนั้นเป็นบุคลิกส่วนบุคคล ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความเป็นเกย์

ด้าน นายษัฑวัฒก์ จิตราภิรมย์ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ องค์กรฟ้าสีรุ้งฯ กล่าวว่า คนที่เกย์ก็แค่คนที่มีเพศรสแตกต่างจากคนอื่น ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ และปัจจุบัน กรมสุขภาพจิตก็มีหนังสือมาถึงองค์กรที่เกี่ยวกับชาวเกย์แล้วว่า เกย์ไม่ใช่คนที่ผิดปกติทางจิต แต่ในทางปฏิบัติก็ยังพบความคิดว่า เกย์คือคนที่จิตผิดปกติ

ที่มา : ไทยจีฮาวดอทคอม